สึนามิกับทะเลไทย

Tsunami เป็นคลื่นในทะเลที่ได้รับการกล่าวขวัญเป็นอย่างมากในฐานะคลื่นอันตราย ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายอย่างใหญ่หลวงโดยไม่มีผู้ใดคาดคิด เนื่องจากไม่สามารถสังเกตสิ่งบอกเหตุใดๆ แต่ในทันทีที่คลื่นเคลื่อนที่กระทบฝั่งก็สามารถทำลายพื้นที่ชายฝั่งและก่อความเสียหายให้แก่ชีวิตและทรัพย์สินด้วยพลังมหาศาล

 

จากการเปิดเผยของ "ผศ.ดร. นพดล ม่วงน้อยเจริญ" อาจารย์ภาควิชาธรณีวิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาฯ ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคลื่นสึนามึว่า คลื่นสึนามิเป็นผลของการขยับตัวของมวลน้ำปริมาณมหาศาลบริเวณพื้นทะเล จากสาเหตุแผ่นดินไหวใต้น้ำรุนแรงมากกว่า ๘ ตามมาตราริกเตอร์ ทำให้พื้นที่ทะเลขยับยกหรือทรุดตัวอย่างฉับพลันเป็นบริเวณกว้าง ทำให้เกิดการแทนที่มวลน้ำอย่างรุนแรง การขยับตัวของน้ำจะแสดงลักษณะเหมือนคลื่นน้ำ มีความสูงจากยอดถึงท้องคลื่นประมาณ ๑ เมตร หรือน้อยกว่า แต่มีความยาวของคลื่นระหว่างแต่ละยอดคลื่นหลายร้อยกิโลเมตร คลื่นจะเคลื่อนออกจากจุดกำเนิดด้วยความเร็วประมาณ ๑๒ กิโลเมตรเมตรต่อชั่วโมง คลื่นสามารถเดินทางข้ามฝั่งมหาสมุทรซึ่งอาจต้องใช้เวลานานหลายชั่วโมง

 

 ขณะที่คลื่นเคลื่อนที่ไปบนผิวน้ำกลางมหาสมุทรเปิด พลังของคลื่นและความสูงของคลื่นจะไม่ปรากฎเด่นชัด แต่เมื่อคลื่นเคลื่อนที่เข้าสู่ทะเลที่ตื้น คลื่นจะถูกหน่วง พลังงานบางส่วนจะเปลี่ยนไปเป็นการเปลี่ยนรูปคลื่น โดยการยกยอดคลื่นให้สูงขึ้น เมื่อถึงบริเวณชายฝั่งทะเล น้ำจำนวนมหาศาลจะยกตัวขึ้นสูงสุดเป็นกำแพงน้ำพุ่งเข้าฟาดทำลายพื้นที่ชายฝั่งบริเวณก้นอ่าว

การยกตัวของคลื่นสามารถยกขึ้นสูงได้ถึง ๑๐ - ๒๐ เมตรจากระดับผิวน้ำ (เกือบเท่าตึกสูง ๔ - ๕ ชั้น) เป็นที่น่าสังเกตว่าคลื่นสึนามิที่ยกตัวสูงลิ่วเช่นนี้ เป็นปรากฎการณ์ที่มิได้พบเห็นบ่อยนัก แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วก็สามารถก่อให้เกิดความสูญเสียได้มากมายมหาศาล

ชายฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้านหันเผชิญกับแนวแผ่นดินไหวโดยตรง ทำให้มีโอกาสถูกกระทบจากคลื่นยักษ์สึนามิได้ แต่โอกาสที่จะเกิดขึ้นมีน้อยมากส่วนชายฝั่งทะเลด้านอ่าวไทยของประเทศไทยตั้งแต่ภาคตะวันออกถึงใต้สุด หรือแม้แต่ชายฝั่งทะเลของประเทศเพื่อนบ้าน ต่างก็ไม่ได้เผชิญหน้าโดยตรงกับจุดกำเนิดแผ่นดินไหวใดๆ นอกจากนั้นพื้นท้องทะเลในอ่าวไทยยังตื้นมาก ส่วนลึกที่สุดเพียง ๘๕ เมตรเท่านั้น ซึ่งความตื้นของทะเลเพียงเท่านี้ไม่อำนวยให้คลื่นสึนามิเคลื่อนที่เข้าถึฝั่งได้เลย