กลับมาแล้ว เช่นกันคร้าบบบ... ภาค นัดพบฉลามวาฬที่ Donsol

[ปักเป้า]

ระหว่างรอพี่ kkg โพสต์รูปที่ กระทู้ โน้นนน http://www.freedomdive.com/webboard/ind ... wtopic=926' target='_blank'>[Anilao]
เราก็ชมรูปภาค Donsol ของผมไปเรื่อยๆ ทางกระทู้นี้ กันนะคร้าบบบ...

[ปักเป้า]

หลังจาก ส่งพี่ๆ ทั้ง 3 กลับสู่กรุงเทพฯ และไทเป เรียบร้อยแล้ว ...
เราอีก 4 ชีวิต ก็เดินทางต่อไปยัง Terminal 3 โดยอาศัย Shuttle Bus ฟรี จาก Terminal 2
ด้วยใจตุ๊มๆ ต่อมๆ ว่า Terminal 3 หน้าตาจะเป็นยังไง จะวุ่นวายเหมือน Terminal 1 มั้ย

แต่ปรากฏว่า ที่นั่น ทุกอย่างดูสดใส ทันสมัยที่สุด ในบรรดา อาคารผู้โดยสารทั้ง 3 แห่ง ที่เราแวะเวียนมา
แม้ว่า ที่นี่ จะรองรับเพียงสายการบินภายในประเทศ ซึ่งเป็น Low Cost Airlines เป็นส่วนใหญ่

เราได้ใช้สนามบินส่วนตัว มี check-in counter ส่วนตัว
(ม่ายช่ายยยยย แค่ว่า ปัจจุบันเค้ายังใช้เพียง 2 ใน 3 ของพื้นที่ที่มี)
เราก็เลยนั่งรอ นอนรอ ชาร์จแบตฯ notebook กล้อง และโทรศัพท์มือถือ ไปเพลินๆ

[ปักเป้า]

เดินทางโดยสายการบิน Cebu Pacific ที่ขึ้นชื่อ เรื่องบริการ ไม่ค่อยตรงเวลา
แต่เราก็เดินทางได้ราบรื่น สะดวกสบาย ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

ผ่านหมู่เกาะมากมาย ... และภูมิประเทศแปลกตา ... ไปจนถึง ภูเขาไฟ หลายลูก

[ปักเป้า]

จนกระทั่งถึงสนามบิน Legaspi ... อันเป็นสนามบินขนาดเล๊กกก และดั้งเดิมเป็นอย่างยิ่ง
(เห็นสายพานกระเป๋าแล้ว อยากจะเดินไปขนกระเป๋าลงจากใต้ท้องเครื่องซะเองเลยเชียว)

[ปักเป้า]

ออกจากสนามบินได้แล้ว ก็จับรถ ไปยัง ชายหาด Dancalan เมือง Donsol ทันที
เครื่องบินสายนิดหน่อย เลยเปลี่ยนแผนจากใช้บริการขนส่งสาธารณะ เป็นเช่ารถแท็กซี่ไปแทน

ไปถึงแล้ว รีบไปติดต่อ Donsol Tourism Office เพื่อลงทะเบียน จองเรือ สำหรับออกไปพบกับพี่ฉลามวาฬ พรุ่งนี้เช้า
ชำระเงิน และชมวิดีโอ แนะนำโครงการ และวิธีการต่างๆ (บ้านๆ มั่กๆ เรย - ดูรูป)

[ปักเป้า]

เพียงไม่นาน ก็พลบค่ำ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเท่าไหร่ ออกไปหาของกินในหมู่บ้านดูซักหน่อย

ทุ่งนา กับ ชายหาด ถูกคั่นด้วย ถนน และร้านรวงริมชายหาด เท่านั้น (คล้ายบาหลีเลย ทำนากันได้ ริมชายหาด)

[ปักเป้า]

ผมจองที่พัก ที่ดีที่สุด (จาก comment ของนักเดินทางหลายคน ที่ค้นได้จากเน็ต) แพงที่สุด (เห็นราคา แล้วอาจตกใจ เมื่อเทียบกับห้องที่ได้รับ :blink:)
มุ้งลวดฉีกขาด นอนเกาตุ่มยุงกัด ทุกคืน ไม่มีน้ำขวดให้ เพราะที่นี่ น้ำขวดแพงมาก (ที่สนามบิน น้ำแพงกว่าน้ำมัน)
เรื่องความสะอาด โอเคครับ มีราวแขวนของ ตากผ้า ให้ใช้แบบเหลือเฟือ แต่ไม่มีตู้เสื้อผ้านะ

แปลกจริง ห้องน้ำที่เราได้พักมา 3 แห่ง ในฟิลิปปินส์ จะต้องมีถังน้ำไว้ให้ 1 ใบเสมอ แม้ว่า จะใช้ชักโครกอยู่แล้ว ก็ตาม

ตื่นเช้า จึงได้โอกาส ถ่ายภาพภายนอกของห้องพักของเรา ก็น่ารักไม่หยอก

(ไม่มีเลนส์มุมกว้างไปด้วยอะนะครับ ห้องเล็กๆ ก็ใช้ต่อภาพเอา)

[ปักเป้า]

30 มี.ค. 2009 ตื่นแต่เช้า ออกเดินทางไปรอ ที่ชายหาด หน้าอาคารสำนักงาน DTO

ติดต่อ จนท. เรียบร้อยแล้ว ก็รีบขึ้นเรือ มุ่งหน้าสู่ปากอ่าว Donsol เป็นลำที่สอง ของวันนั้น

[ปักเป้า]

ฟัง brief วิธีการ และสัญญาณต่างๆ กันอีกครั้งหนึ่ง โดยเจ้าหน้าที่ BIO (Butanding Interaction Officer)
พร้อมกับเจ้าหน้าที่จาก WWF อีกคน ที่พกกล้องถ่ายรูป มาถ่ายรูปฉลามวาฬที่เราพบ เพื่อไป identify และเก็บไว้เป็นสถิติ ต่อไป

ภาษาท้องถิ่น ที่ Donsol เรียก ฉลามวาฬ (Whaleshark) ว่า Butanding

แล้วจากนั้น ก็เข้าประจำที่ ... รอสัญญาณจาก BIO คนเก่งของเรา

[ปักเป้า]

เพียงไม่ถึง 15 นาทีต่อมา ยังออกห่างจากชายหาดได้ไม่กี่ร้อยเมตร คำสั่งแรกก็มาถึง

"get ready... on the left side..."

แต่ เพียงแค่ลงไปนั่งฝั่งซ้ายของเรือ ยังไม่ทันได้หยิบอะไรมาสวมใส่ เราก็เห็น เงาดำขนาดใหญ่ เคลื่อนผ่านใต้ท้องเรือไป
เห็นแค่เงา ผมพอจะคะเน ขนาดของพี่ยักษ์ใหญ่ได้ไม่ยาก ... เจ้าของเงา น่าจะเป็นฉลามวาฬ ตัวใหญ่ ขนาดยาวที่สุด เท่าที่ผมเคยเห็นมาในชีวิต
... แม่เจ้าโว้ยยย ตัวแรกก็เอาขนาดนี้กันเลยเหรอ ^o^

ตัวแรกกระชั้นเกินไป ... เรือ Bungga ยังคงเคลื่อนต่อไป โดยมี BIO คอยมองหาเงาดำบนผิวน้ำ กับเราอีก 4 คน ที่เริ่มจะหลอนๆ กับเงาต่างๆ บนผิวน้ำไปด้วย

...

คำสั่งที่ 2 มาถึงภายใน 3 นาที "on the right side" ตอนนี้ทุกคนมีอุปกรณ์พร้อมแล้ว ก็เพียงแค่ย้ายฝั่ง มานั่งอีกด้านเท่านั้น

เรือค่อยๆ เคลื่อนนำหน้า เงาดำเงาใหม่ ไปทีละน้อย จนกระทั่งได้ระยะพอเหมาะ

"Go! Go! Go!"

ฟินหลายคู่ ตีน้ำทะเลสาดกระจาย (จนท. บอกให้พยายามลงน้ำเบาๆ เค้าจะได้ไม่ตกใจ ... ฮ่า ฮ่า ฮ่า)

[ปักเป้า]

ใหญ่จริงๆ ครับพี่น้อง... ผมกะด้วยสายตา ที่เชื่อว่า ค่อนข้างใกล้เคียงความจริง ไม่ลำเอียง เข้าข้างตัวเอง
อย่างน้อยก็ต้อง 8 - 9 เมตรล่ะครับ ...

เค้าว่ายอยู่แถวผิวน้ำ ไม่ได้มุดหายลงไป เพียงแต่อาจว่ายเร็วขึ้น เป็นพักๆ ... ช่วงที่ว่ายช้าๆ เราก็พอจะตีฟินนำหน้าเค้าได้บ้าง แต่พอว่ายเร็วขึ้น ผมตีสุดแรงเกิด ก็ได้แค่ รักษาระยะให้เท่าเดิมไว้ได้ แค่นั้นเอง
พอหมดแรง ก็ต้องปล่อยเค้าหายลับตาไป

[ปักเป้า]

รอบแรก เราว่ายเล่นอยู่กับเค้านานกว่า 10 นาที ถ่ายรูปได้หลายช็อต
กลับขึ้นเรือได้ไม่ถึง 3 นาที สัญญาณโดดก็มาอีกครั้ง และครั้งนี้ ก็เป็นพี่ยักษ์ใหญ่เจ้าเดิม
และอีกกว่า 10 นาที เช่นเดียวกัน ... เห็นใครหลายคน ว่ายอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

[ปักเป้า]

หลังจาก โดด ขึ้นลงเรือ อีก 2 - 3 ครั้ง วนเวียนกับตัวนี้ เป็นนาน ... เราก็ปล่อยให้เรือลำอื่น ได้พบกับเค้าบ้าง
แล้วหันหัวเรือ ออกสู่ปากอ่าวไปอีก ... มองเห็นน้ำใต้ท้องเรือ ค่อนข้างใสมากขึ้นเรื่อยๆ

หันไปหา จนท. WWF เห็นบันทึกลงใน log พบฉลามวาฬ 2 ครั้ง ขนาดยาว 10 m และทั้ง 2 ครั้ง เป็นตัวเดียวกัน
ช่วยยืนยัน ขนาด ที่ผมคาดคะเนไว้ ได้ใกล้เคียงทีเดียว ... ถามจนท. ได้ความว่า ใน season นี้ พบฉลามวาฬขนาดใหญ่ที่สุด ก็คือ 10 m นี่ล่ะ

และเพียงไม่นาน เช่นเคย เราก็เห็นเงาดำที่ผิวน้ำ เคลื่อนที่มาหา และว่ายผ่านใต้ท้องเรือไปอย่างรวดเร็ว จนเราไม่ทันได้ทำอะไรอีกเช่นกัน คาดคะเน คงยาวประมาณ 6 - 7 เมตร

ที่ขอบฟ้า มองเข้ามาในอ่าว เราเห็นภูเขาไฟ Mayon อยู่ลิบๆ ... ช่างเป็นฉากประกอบการว่ายน้ำกับฉลามวาฬ ที่งดงาม เหลือเกิน

[ปักเป้า]

ตัวที่ 2 ตามมาในระยะเวลาไม่ถึง 10 นาที ถัดจากตัวแรก

โดดลงไปแล้ว สับฟินแหลก ... ก่อนที่ BIO จะเรียกให้เปลี่ยนมาอีกทางหนึ่ง
แล้วเราก็ได้พบกับฉลามวาฬ ขนาดประมาณ 7 - 8 เมตร ที่ค่อยๆ ดำผ่านเราไปอย่างช้าๆ
และมุดหายไปใต้พื้นน้ำ ในที่สุด

[ปักเป้า]

ระหว่าง 2 - 3 ชม. นั้น เราได้ว่ายน้ำกับฉลามวาฬอีกหลายครั้ง ในระยะห่างแต่ละครั้ง มีตั้งแต่ 1 - 2 นาที ถึง 4 - 5 นาที และไม่มีครั้งไหน ห่างกันเกินกว่า 10 นาที เลย
บางครั้ง ก็ไม่กี่วินาที และบางครั้งก็หลายนาที ... ไม่รู้ว่า ครั้งไหน จะเป็นตัวเดิม หรือตัวใหม่ ... จนกว่า จนท. WWF จะเปิดดูกล้อง และลงบันทึกไว้ ให้เราได้รู้