ประเภทการดำน้ำ | Boat dive |
---|---|
ระดับการดำน้ำ | ทุกระดับ |
ความลึก | 3-30 เมตร |
ทัศนวิสัยใต้น้ำ | 15-30 เมตร |
กระแสน้ำ | ปานกลาง - แรง |
จุดดำน้ำ |
|
ฤดูท่องเที่ยว | พ.ย. - เม.ย. (ช่วงที่มีลุ้นกระเบนราหูมากที่สุดคือช่วง ก.พ. - เม.ย.) |
สิ่งที่น่าสนใจ | สัตว์ทะเลที่เป็นดาวเด่นของที่นี่คือกระเบนราหู แต่นอกจากนั้น ก็ยังมีปลาสากหางดำ (Blackfin Barracuda) ฉลามหูดำ ฉลามเสือดาว ฉลามพยาบาล กระเบนนก กระเบนหางหนาม เต่าทะเล หมึกสาย ปลาสิงโต ปลาแมงป่อง ปลาสินสมุทร ปลาจิ้มฟันจระเข้ ฯลฯ |
เป็นเกาะที่เกิดจากการทับถมของหินปะการัง ประกอบด้วย 2 เกาะข้างๆ กัน ช่วงน้ำลงจะคล้ายทะเลแหวกที่เดินข้ามไปอีกฝั่งได้
ปัจจุบันพื้นที่นี้ได้รับการประกาศให้เป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเล สามารถดำน้ำได้ทั้งสน็อกเกิลและสกูบา
พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นหาดหินมากกว่าหาดทราย ไม่มีที่พักค้างบนเกาะ แต่นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเกาะไปถ่ายรูปที่จุดชมวิว ซึ่งใช้เวลาเดินประมาณ 5-10 นาที แม้ระยะทางจะไม่ไกลนัก แต่ทางขึ้นค่อนข้างสูงชันและใช้กำลังพอสมควร
การเดินทางโดยรถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ข้ามสะพานสารสิน เข้าจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 862 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปภูเก็ตทุกวัน
รถไฟ ไม่มีบริการรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตโดยตรง หากต้องการเดินทางโดยรถไฟต้องไปลงที่สถานีรถไฟพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วต่อรถประจำทางเข้าจังหวัดภูเก็ต
เครื่องบิน ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงภายในประเทศจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย และอีกหลายจังหวัดทั่วไทย และบินตรงจากต่างประเทศอีกนับสิบประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต บาหลี ซิดนีย์ และปารีส เป็นต้น
หากท่านไม่สามารถบินตรงจากประเทศของท่านมายังภูเก็ตได้ ก็สามารถบินมายังกรุงเทพฯ แล้วเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ตที่มีให้เลือกกว่า 50 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยระยะเวลาการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
โรงพยาบาล 3 แห่งในภูเก็ตที่ให้บริการห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber) ได้แก่