เกาะดอกไม้ - เรือจมคิงครุยส์เซอร์ - หินมูสัง

เกาะดอกไม้ - เรือจมคิงครุยส์เซอร์ - หินมูสัง
ประเภทการดำน้ำ Deep dive, Wreck dive, Drift dive
ระดับการดำน้ำ Advance Open Water
ความลึก 3-30 เมตร
ทัศนวิสัยใต้น้ำ 25 - 30 เมตร
กระแสน้ำ เล็กน้อย-แรง
อุณหภูมิน้ำ 27-31 °C
จุดดำน้ำ เกาะดอกไม้, เรือจมคิงครุยเซอร์, หินมูสัง (Shark Point), Anemone Reef
ฤดูท่องเที่ยว พ.ย. - พ.ค.
สิ่งที่น่าสนใจ ฉลามเสือดาว ฉลามกบ เต่าทะเล ปลาสิงโต ปลาสาก ปลามง ม้าน้ำ ปลาปักเป้า ปลาแมงป่อง ปลาการ์ตูน ทากทะเล ฯลฯ

ข้อมูลทั่วไป

เกาะดอกไม้

เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็กที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเป็นรูปหน้าผาสูงในท้องทะเล ห่างจากเกาะภูเก็ตไปทางทิศตะวันออกเพียง 20 กิโลเมตร เกาะดอกไม้เป็นจุดดำน้ำแบบ Wall Dive ที่มีความอุดมสมบูรณ์ของสิ่งมีชีวิตทางทะเลมากมาย นักดำน้ำจะได้พบกับสิ่งมีชีวิตหลากหลายที่อาศัยตามซอกหินปูนตลอดแนวของตัวเกาะ อาทิเช่น ปะการังอ่อนที่สมบูรณ์และมีสีสันสวยงาม กัลปังหาขนาดใหญ่ ดอกไม้ทะเลสีต่างๆ ม้าน้ำ ปักเป้า มอเรย์ตาขาว ปลาสิงโต กัลปังหา หรือทากเปลือยหลายสายพันธุ์ หอยหลายชนิด เป็นต้น นอกจากนี้ยังเป็นไดฟไซต์ที่นักดำน้ำนิยมมาดำน้ำตอนกลางคืน (night dive) อีกด้วย

ทางด้านตะวันออกของเกาะดอกไม้จะมีถ้ำขนาดใหญ่ สามารถว่ายเข้าไปด้านในได้ (นักดำน้ำควรมีไฟฉายไปด้วย) ถ้ำนี้เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีแสงสว่างจากธรรมชาติพอส่องถึง มองขึ้นไปข้างบนจะเห็นฟองอากาศบนเพดานถ้ำ มักจะพบ ghost pipefish และม้าน้ำที่บริเวณผนังถ้ำ นอกจากนี้จะพบถ้ำขนาดเล็กอยู่ด้านหลัง ซึ่งนักดำน้ำไม่ควรเข้าไปโดยเด็ดขาด นอกจากจะเป็นนักดำน้ำผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการฝึกฝนพิเศษและมีอุปกรณ์ที่เหมาะสม

เรือจมคิงครุยเซอร์

King Cruiser เป็นเรือโดยสารแบบ Hulled Catamaran มีขนาดยาว 85 เมตร เดิมเป็นเรือเฟอร์รี่ของญี่ปุ่น และถูกซื้อต่อโดย บริษัท ส่งเสริม ในปี 1990 นำมาใช้เป็นเรือรับส่งสินค้าและผู้โดยสารข้ามฝากระหว่างเกาะพีพีกับภูเก็ต ทุกวันเป็นเวลา 7 ปี  จนกระทั่งในในวันที่ 4 พฤษภาคม 2540 ขณะที่เรือบรรทุกผู้โดยสารทั้งหมด 539 คนและลูกเรือ 22 คนเดินทางไปเกาะพีพีได้เกิดอุบัติเหตุชนกับหินโสโครก ทำให้ตัวเรือเกิดความเสียหาย น้ำทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็ว และจมลงที่ในที่สุด ในเหตุการณ์ครั้งนี้สามารถช่วยชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือได้ทั้งหมด โดยไม่มีการสูญเสียชีวิตแต่อย่างใด มีเพียงตัวเรือที่จมลงไปที่ความลึก 32 เมตร และกลายมาเป็นจุดดำน้ำเรือจมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่ง

บริเวณซากเรือจม King Cruiser ปกคลุมด้วยฟองน้ำ ปะการังอ่อนหลากสีสัน และฝูงปลามากมาย อาทิเช่น ปลาเก๋า ปลากระพงข้างเหลือง เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นทากเปลือยได้ไม่ยากนัก เหมาะกับนักดำน้ำที่ชอบการผจญภัย และมีประสบการณ์ดำน้ำในระดับ Advanced Open Water ขึ้นไป เนื่องจากซากเรือจมในน้ำอยู่ที่ความลึก 32 เมตร ในตำแหน่งตั้งตรง จุดที่ตื้นที่สุดบริเวณดาดฟ้าเรืออยู่ที่ความลึกประมาณ 17เมตร และเนื่องจากบริเวณนี้มีกระแสน้ำที่รุนแรงบ่อยครั้ง จุดดำน้ำแห่งนี้จึงไม่เหมาะกับนักดำน้ำมือใหม่ การดำน้ำที่นี่จึงเป็นการดำน้ำที่เวลาสั้นกว่าปกติ เพราะนักดำน้ำบางคนอาจมีอากาศไม่เพียงพอ การมองเห็นใต้น้ำไม่ดีนัก และต้องคอยระมัดระวังกับชิ้นส่วนเรือที่คมและผุกร่อน เสี่ยงกับการยุบตัว จึงไม่แนะนำให้นักดำน้ำเข้าไปสำรวจในตัวเรือ เนื่องจากโครงสร้างของเรือได้ทรุดตัวลงด้วยตัวของมันเองและสนิมที่กัดเกาะอยู่กับเหล็กก็หลุดออกและทำให้พังทลายลงไปค่อนข้างมาก

หินมูสัง (Shark Point)

ตั้งอยู่ระหว่างเกาะภูเก็ตและเกาะพีพี ห่างจากเกาะภูเก็ต 26 Km. ใช้เวลาในการเดินทาง 1 ชั่วโมง 30 นาที เป็นจุดที่นักดำน้ำมักจะพบฉลามกบและฉลามเสือดาวกันมากจึงตั้งชื่อว่า Shark point

กองหินมูสัง มีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ 3 กองเชื่อมต่อกันจากทิศเหนือไปทิศใต้ กองที่อยู่เหนือสุดโผล่พ้นน้ำขึ้นมาประมาณ 2-3 เมตรและมีประภาคารตั้งอยู่ กองที่สองอยู่ทางทิศใต้ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร ระหว่างกองเป็นพื้นทรายลึก 18 เมตร ปกตินักดำน้ำจะลงดำน้ำเที่ยวชมแค่สองกองแรกเท่านั้น

ที่มา : thailandliveaboard.com, bluemarine-divers


จุดดำน้ำ (รายละเอียด)

เกาะดอกไม้

เป็นเกาะหินปูนขนาดเล็กกลางทะเลที่มีลักษณะเป็นผาสูงชัน ใต้น้ำเป็นแนวกำแพงลึกลงไปถึง 30 เมตร เต็มไปด้วยปะการังอ่อน กัลปังหา ดอกไม้ทะเล

ตามซอกหลืบมีสัตว์ตัวเล็กตัวน้อยมากมายให้มองหา เช่น ทากทะเล หนอนตัวแบน ม้าน้ำ กุ้งมดแดง (dancing shrimp) หรือปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจที่พรางตัวเนียนกับแส้ทะเล ไปจนถึงหมึกสาย และฝูงปลากลางน้ำหลายชนิด

ส่วนบริเวณพื้นทรายก็เป็นที่นอนของฉลามเสือดาว มีโพรงถ้ำทั้งเล็กและใหญ่ทางฝั่งตะวันออก แต่การผ่านเข้าไปต้องเป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์การดำน้ำในถ้ำเท่านั้น

เรือจมคิงครุยเซอร์

เป็นเรือจมขนาดใหญ่ที่มีความยาวถึง 85 เมตร โดยเป็นเรือโดยสาร Hulled Catamaran ที่จมลงด้วยอุบัติเหตุจากการชนยอดหิน Anemone Reef เมื่อวันที่ 4 พ.ค. 1997 โดยผู้โดยสารและลูกเรือทั้งหมดได้รับการช่วยเหลือทันเวลาและไม่มีผู้เสียชีวิต

เมื่อเวลาผ่านไป ซากเรือแห่งนี้ได้กลายเป็นแหล่งอาศัยของสิ่งมีชีวิตมากมาย เช่น ปะการังอ่อน กัลปังหา และปลาหลายชนิด เช่น ปลาสิงโต ปลาสาก ปลามง รวมถึงมีฉลามวาฬ กระเบนราหู เต่าทะเลแวะมาเยี่ยมเป็นครั้งคราว ความลึกอยู่ที่ 17 - 32 เมตร

หินมูสัง (Shark Point)

เป็นกองหินใต้น้ำหลายกองเชื่อมต่อกัน เต็มไปด้วยปะการังอ่อนและกัลปังหาหลากสีสัน รวมถึงดอกไม้ทะเลและปลาการ์ตูน แน่นอนว่าต้องเป็นจุดที่เจอฉลามได้ง่าย นั่นคือฉลามเสือดาวที่มักนอนนิ่งที่พื้นทราย รวมถึงฉลามกบที่ซ่อนตัวในซอกหิน

นอกจากนั้น ยังมีโอกาสพบเต่าทะเล ม้าน้ำ ปลาแมงป่อง ปลาสินสมุทร ปลาปักเป้า ทากทะเล ฯลฯ ส่วนฉลามวาฬก็พอมีลุ้นได้

ความลึกสูงสุด 24 เมตร และให้ระวังกระแสน้ำที่ค่อนข้างแรงบริเวณตรงกลางระหว่างกองฝั่งเหนือกับฝั่งใต้

Anemone Reef

เป็นกองหินที่เป็นพื้นที่คุ้มครองทางทะเล ความลึก 5-30 เมตร เต็มไปด้วยดอกไม้ทะเลตามชื่อ และปลาการ์ตูนถึง 5 สปีชีส์ นอกจากนั้นยังมีม้าน้ำ ฉลามเสือดาว ปลาไหลมอร์เรย์ ปลาสิงโต และฝูงปลากลางน้ำอื่นๆ

การเดินทาง

นักท่องเที่ยวสามารถมาได้ทั้งแบบ one day trip และ Liveaboard โดย one day trip มักเดินทางออกจากภูเก็ต และดำน้ำจำนวน 3 ไดฟ์ คือ เรือจม หินมูสัง และเกาะดอกไม้ โดยใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง ซึ่งบริษัทมักมีบริการรับส่งจากโรงแรมในภูเก็ต

ส่วนการเดินทางแบบ Liveaboard จุดดำน้ำเหล่านี้มักรวมอยู่ในเส้นทางอันดามันใต้ ซึ่งแต่ละทริปอาจมีจุดดำน้ำแตกต่างกันเล็กน้อยตามความเหมาะสมและสภาพอากาศ

 ภูเก็ต

การเดินทางมายังภูเก็ต

เครื่องบิน ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงภายในประเทศจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย และอีกหลายจังหวัดทั่วไทย และบินตรงจากต่างประเทศอีกนับสิบประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต บาหลี ซิดนีย์ และปารีส เป็นต้น

หากท่านไม่สามารถบินตรงจากประเทศของท่านมายังภูเก็ตได้ ก็สามารถบินมายังกรุงเทพฯ แล้วเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ตที่มีให้เลือกกว่า 50 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยระยะเวลาการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ข้ามสะพานสารสิน เข้าจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 862 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปภูเก็ตทุกวัน

ไม่มีบริการรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตโดยตรง หากต้องการเดินทางโดยรถไฟต้องไปลงที่สถานีรถไฟพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วต่อรถประจำทางเข้าจังหวัดภูเก็ต