เกาะราชาใหญ่

เกาะราชาใหญ่
ประเภทการดำน้ำ Reef dive, Wreck dive, Deep dive, Drift dive
ระดับการดำน้ำ ทุกระดับ
ความลึก 5-40 เมตร
ทัศนวิสัยใต้น้ำ 15-30 เมตร
กระแสน้ำ mild to strong
อุณหภูมิน้ำ 27-31 °C
จุดดำน้ำ
  • อ่าวบังกะโล (Bungalow Bay)
  • อ่าวสยาม
  • Home Run Reef
  • อ่าวหลา-อ่าวทือ (Staghorn Reef)(ฺBay1-2)
  • อ่าวขอนแค (Lucy’s Reef)(ฺBay3)
  • อ่าว 4-5 (Waterfall wall)
  • เรือจมฮาลูบี (harruby wreck)
ฤดูท่องเที่ยว High season พ.ย. - เม.ย. (ช่วงที่มีลุ้นกระเบนราหูมากที่สุดคือช่วง ก.พ. - เม.ย.)
สิ่งที่น่าสนใจ ปลาไหลมอเรย์ลายเมฆ, ปลาไหลมอเรย์หน้าปาน, ปลาไหลมอเรย์ยักษ์, กระเบนจุดฟ้า, ปลาลิ้นหมา, ปลาสาก, เต่า, หมึกกระดอง, หมึกสาย,กระเบนราหู, ปลาไหลสวน, ปลาหิน, ปลาแมงป่อง, ปลากะพง,ปลากล้วย, ปลาสากหางเหลือง, ปลาโนรี, ปลาวัวยักษ์, ปักเป้าหน้าหมา, ปักเป้าหนาม, ปลาเก๋าหรือปลากะรัง.

ข้อมูลทั่วไป

การดำน้ำลึกที่เกาะราชาใหญ่เหมาะกับนักดำน้ำทุกระดับขั้นและนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ไม่มากนัก แต่อย่างไรก็ตาม ในบาง dive site ก็มีความลึกมากกว่า 18 เมตร ดังนั้นอาจเป็นการดีกว่าหากนักดำน้ำผ่านการทดสอบในขั้น Advance Open Water Diver มาแล้ว

Dive site เกือบทั้งหมดของเกาะราชาใหญ่ มีน้ำค่อนข้างใส Visibility 15-30 เมตร มีความลึกตั้งแต่ 5-40 เมตร สามารถดำน้ำได้ตลอดทั้งปี กระแสน้ำไม่แรง โดยมีช่วง High season อยู่ระหว่างเดือน พ.ย.-เม.ย.

Racha Yai Bay 1,2  เหมาะสำหรับทั้งการดำน้ำตื้นและดำน้ำลึก มีทรายขาวในแนวลาดตั้งแต่ระดับตื้นๆถึง 25 เมตร เหมาะสำหรับนร.ใช้ฝึกสกิลการดำน้ำในระดับ Open Water Diver น้ำใส เป็น reef dive ที่มีทั้งแนวปะการังแข็ง เช่น ปะการังเขากวาง ซึ่งบางส่วนก็ประสบปัญหาปะการังฟอกขาวเมื่อหลายปีก่อน นอกจากนี้ยังมี wreck dive เพิ่มความน่าสนใจให้กับไดฟไซต์นี้ด้วย

ทั้งเกาะราชาใหญ่และราชาน้อย ขึ้นชื่อเรื่องเป็นจุดลุ้นกระเบนราหูที่ดีเป็นอันดับต้นๆ ของไทย แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่กระเบนพี่ใหญ่เท่านั้น แต่ยังมีปลาไหลมอเรย์ ปลาไหลสวน กระเบนจุดฟ้า กระเบนนก ปลาลิ้นหมา เต่าทะเล หมึกสาย หมึกกระดอง ปลาปักเป้า ทากทะเล ฯลฯ

จุดดำน้ำ (รายละเอียด)

อ่าวบังกะโล (Bungalow Bay) : เป็นแนวปะการังลาดชันจาก 5-22 เมตร ส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวางและปะการังโขด สามารถพบปลานกแก้ว ปลาสินสมุทร เต่าทะเล ปลาไหลมอเรย์ ส่วนในที่ตื้นบางทีอาจได้เจอฝูงปลามีดโกน ปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ ปลาลิ้นหมา ทากทะเล

อ่าวสยาม : เป็นจุดที่เหมาะสำหรับนักดำน้ำมือใหม่ เนื่องจากความลึกอยู่ที่ 12-18 เมตร สามารถพบปลาแนวปะการังทั่วไป ส่วนแถวๆ พื้นทรายก็มีโอกาสเจอหมึกสาย หมึกกระดองและกระเบนจุดฟ้าได้ไม่ยาก สำหรับสายมาโคร อ่าวนี้เป็นจุดดำ Night Dive ที่ดีอีกแห่งหนึ่ง

Home Run Reef : เป็นแนวปะการังลาดชัน 12-25 เมตร ส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวางและปะการังโขด นอกจากปลาแนวปะการังที่พบได้ทั่วไปแล้ว ถ้ามองหาดีๆ อาจได้เจอปลาปากแตรพรางตัวเนียนอยู่ ส่วนตามซอกหลืบก็อาจมีหมึกสาย ไปจนถึงงูทะเล

อ่าวหลา-อ่าวทือ (Staghorn Reef หรือ Bay 1-2) : ส่วนใหญ่เป็นปะการังเขากวาง ความลึกสูงสุด 30 เมตร มีปลาแนวปะการังทั่วไป รวมถึงอาจได้เจอปลาปากแตร เต่าทะเล หรือปลาลิ้นหมา

อ่าวขอนแค (Lucy’s Reef หรือ Bay 3) : ส่วนใหญ่เป็นปะการังโขดสลับก้อนหิน สามารถเจอปลาแนวปะการังทั่วไป รวมถึงปลาปักเป้ากล่อง กุ้งนักมวย ปลาจิ้มฟันจระเข้ปีศาจ ถ้าโชคดีอาจได้เจอกระเบนราหูหรือกระเบนนก หากดำลงไปที่ความลึก 20 เมตร จะเจอแนวปะการังเทียมที่ทำจากบล็อกคอนกรีต สามารถเจอปลาสิงโต ปลาหูช้าง และปลาไหลมอเรย์

อ่าว 4-5 (Waterfall wall) : เป็นแนวปะการังแข็งลาดชันสลับกับดอกไม้ทะเล บางครั้งกระแสน้ำอาจค่อนข้างแรงและทิศทางกลับไปกลับมา บริเวณที่ตื้นอาจพบฉลาม ส่วนที่ลึกบริเวณผืนทรายอาจได้เจอปลาผีเสื้อกลางคืน (seamoth) ส่วนกระเบนนกและกระเบนราหูก็เคยมาโชว์ตัวที่นี่

เรือจมฮาลูบี (harruby wreck) : เป็นเรือจมขนาดเล็กที่จมลงใน พ.ศ. 2552 เพื่อเป็นปะการังเทียม อยู่นอกชายฝั่งอ่าวหลา ความลึก 20-25 เมตร

การเดินทาง

มักออกเดินทางจากจังหวัดภูเก็ต โดยมีหลายท่าเรือขึ้นกับบริษัททัวร์ มีทั้งโปรแกรมเช้าไปเย็นกลับ หรือจะพักค้างบนเกาะและซื้อทัวร์จากบนเกาะก็ได้

ทางเลือกที่สะดวกสบายที่สุดสำหรับการดำน้ำที่เกาะราชาใหญ่ คือ ใช้บริการทริป liveaboard ที่ออกจากภูเก็ตเพื่อมาดำน้ำที่เกาะราชาน้อย-ราชาใหญ่โดยเฉพาะ ซึ่งคุณจะได้แวะดำน้ำเกือบทั่วทุกจุดรอบเกาะ และได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ทั้งช่วงกลางวันและกลางคืน เนื่องจากเรือไม่ต้องเคลื่อนย้ายไปที่อื่น

 ภูเก็ต

การเดินทางมายังภูเก็ต

เครื่องบิน ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงภายในประเทศจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย และอีกหลายจังหวัดทั่วไทย และบินตรงจากต่างประเทศอีกนับสิบประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต บาหลี ซิดนีย์ และปารีส เป็นต้น

หากท่านไม่สามารถบินตรงจากประเทศของท่านมายังภูเก็ตได้ ก็สามารถบินมายังกรุงเทพฯ แล้วเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ตที่มีให้เลือกกว่า 50 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยระยะเวลาการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น

รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ข้ามสะพานสารสิน เข้าจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 862 กิโลเมตร

รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปภูเก็ตทุกวัน

ไม่มีบริการรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตโดยตรง หากต้องการเดินทางโดยรถไฟต้องไปลงที่สถานีรถไฟพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วต่อรถประจำทางเข้าจังหวัดภูเก็ต