เหล่า survivor ขอโชว์ภาพสวยๆ จากทริปดอยหัวเสือ
- em`
- Advanced Member
- โพสต์: 81
- meble kuchenne - tworzymyatmosfere.pl
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ต.ค. 25, 2005 10:43 am
โอ้โฮเฮะ ฝีมือมาโครน้องจุบบี้ ใช่ย่อย ... งามจริง ๆ :wub:
ว่าแต่ "นางอั้ว" ช่อนั้น ทั่นได้แต่ใดมา เพราะที่เห็นตรงหน้าทางเข้ากิ่วแม่ปาน ไม่มีช่อยังงี้นิ
ที่ข้าพเจ้าเจอข้างทาง ตอนขึ้นดอยหัวเสือ ก็แห้งโรยไปแล้วเช่นกัน ... เจอที่ไหน บอกมานะ
แล้วไม่ยอมเรียกให้คนอื่นดูด้วย
=================================================
เอ... แล้วมีใครถ่ายรูปเจ้าด้วงน้อยสีน้ำเงินมาบ้างเนี่ย
อยากเห็น ๆ
=================================================
em' อะ สงสัยไม่มีใครอยากให้แบกกระเป๋าให้ ... ยกเว้น เจ้าของรูป ซึ่งไม่ยอมเข้ามาตอบ
สงสัยงานนี้ ต้องแบกกระเป๋าให้เจ้าของรูปซะแล้วมั้ง
เพราะไม่มีใครทายถูกนิ
ว่าแต่ "นางอั้ว" ช่อนั้น ทั่นได้แต่ใดมา เพราะที่เห็นตรงหน้าทางเข้ากิ่วแม่ปาน ไม่มีช่อยังงี้นิ
ที่ข้าพเจ้าเจอข้างทาง ตอนขึ้นดอยหัวเสือ ก็แห้งโรยไปแล้วเช่นกัน ... เจอที่ไหน บอกมานะ
แล้วไม่ยอมเรียกให้คนอื่นดูด้วย
=================================================
เอ... แล้วมีใครถ่ายรูปเจ้าด้วงน้อยสีน้ำเงินมาบ้างเนี่ย
อยากเห็น ๆ
=================================================
em' อะ สงสัยไม่มีใครอยากให้แบกกระเป๋าให้ ... ยกเว้น เจ้าของรูป ซึ่งไม่ยอมเข้ามาตอบ

สงสัยงานนี้ ต้องแบกกระเป๋าให้เจ้าของรูปซะแล้วมั้ง

"อิสระ" จะทำให้ "โอกาส" อยู่กับเราเสมอ
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call

นางอั่วช่อนี้อยู่ระหว่างทางขึ้นดอยหัวเสือ
ก็ขึ้นมากันเป็น กรุ๊ปแรก ก็ชี้ให้แต่พี่ปุ๋ม น้องนุชดู
คนอื่นไม่รู้รีบเดืนไปไหน เรียกไม่ทัน
ส่วนพวกลุงๆก็เดินตามหลัง จะให้รอก็กระไร แฮ่ๆ

ก็ขึ้นมากันเป็น กรุ๊ปแรก ก็ชี้ให้แต่พี่ปุ๋ม น้องนุชดู
คนอื่นไม่รู้รีบเดืนไปไหน เรียกไม่ทัน
ส่วนพวกลุงๆก็เดินตามหลัง จะให้รอก็กระไร แฮ่ๆ
http://seamania.multiply.com' target='_blank'>http://seamania.multiply.com... a bad day diving is better than good days at work ....
ขอเอารูปกิ่วแม่ปานเมื่อปีกลายๆ มาอวดมั่ง
กิ่วแม่ปาน เมื่อ ก.พ. 47 ... ทุ่งหญ้าสีทอง ส่วนกุหลาบพันปี โรยเกือบหมดแว้ววว
ใครไม่เชื่อว่า บุ้ง เป็นสัตว์สังคม ดูแถวตอนเรียงหนึ่ง หมู่เล็ก จากรูปนี้ได้คับ
(ถ่ายที่เส้นกิ่วแม่ปานช่วงท้าย ที่เราไม่ได้ไปกันในทริปนี้)
เอื้องนางอั้ว ที่เราพบบนสันเขาฝั่งตรงข้ามสันกิ่วแม่ปาน (ยืนตรงหน้าผา มองไปสันเขาตรงข้าม) เมื่อ ต.ค. 46
เห็นครั้งแรกก็ประทับใจในความน่ารัก เหมือนนกพิราบกำลังตีลังกาแบบ humming bird ในโฆษณาน้ำสิงห์เลย
เข้าใจว่า หายากมาก แต่มาเห็นที่เส้นทางขึ้นดอยหัวเสือ 1 ต้นที่ดอกโรยแล้ว กับช่อสวยที่ Chubby ถ่ายมา
แล้วเห็นเป็นสิบตรงหน้าปากทางเข้ากิ่วแม่ปาน ที่จนท.ปลูกไว้ ดอยโรยเกือบหมดแล้ว
ก็ยังเชื่อว่าหายากอยู่นะ
ว่ามะ ... หรือว่าต้องเข้าไปช่วงหน้าฝนก็ไม่รุ
เอื้องอีกดอกหนึ่งที่คล้ายกับนางอั้วมาก ต่างเล็กน้อยตรงกลีบดอก กับทรงช่อ (ส่วนใบจำไม่ได้แล้ว)
พบได้ง่ายมาก ตามข้างถนนในป่าเขาใหญ่ รูปนี้ถ่ายมาเมื่อ ก.ย. 48 นี่เอง

กิ่วแม่ปาน เมื่อ ก.พ. 47 ... ทุ่งหญ้าสีทอง ส่วนกุหลาบพันปี โรยเกือบหมดแว้ววว
ใครไม่เชื่อว่า บุ้ง เป็นสัตว์สังคม ดูแถวตอนเรียงหนึ่ง หมู่เล็ก จากรูปนี้ได้คับ
(ถ่ายที่เส้นกิ่วแม่ปานช่วงท้าย ที่เราไม่ได้ไปกันในทริปนี้)
เอื้องนางอั้ว ที่เราพบบนสันเขาฝั่งตรงข้ามสันกิ่วแม่ปาน (ยืนตรงหน้าผา มองไปสันเขาตรงข้าม) เมื่อ ต.ค. 46
เห็นครั้งแรกก็ประทับใจในความน่ารัก เหมือนนกพิราบกำลังตีลังกาแบบ humming bird ในโฆษณาน้ำสิงห์เลย
เข้าใจว่า หายากมาก แต่มาเห็นที่เส้นทางขึ้นดอยหัวเสือ 1 ต้นที่ดอกโรยแล้ว กับช่อสวยที่ Chubby ถ่ายมา
แล้วเห็นเป็นสิบตรงหน้าปากทางเข้ากิ่วแม่ปาน ที่จนท.ปลูกไว้ ดอยโรยเกือบหมดแล้ว
ก็ยังเชื่อว่าหายากอยู่นะ

เอื้องอีกดอกหนึ่งที่คล้ายกับนางอั้วมาก ต่างเล็กน้อยตรงกลีบดอก กับทรงช่อ (ส่วนใบจำไม่ได้แล้ว)
พบได้ง่ายมาก ตามข้างถนนในป่าเขาใหญ่ รูปนี้ถ่ายมาเมื่อ ก.ย. 48 นี่เอง
"อิสระ" จะทำให้ "โอกาส" อยู่กับเราเสมอ
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call

จำเค้ากันได้หรือเปล่า!!!???
สมศักดิ์....ปกาเก่อญอผู้เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น แห่งบ้านแม่กลางหลวง ......
"เดี๋ยวผมหาคนขับรถให้"
ชาลี ชาวปกาเก่อญอเจ้าหน้าที่โครงการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แม่กลางหลวงบอกกับเราหลังจากแนะนำ ให้ไปเที่ยวที่จุดชมวิว *บ้านผาหมอน* จุดชมทุ่งนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในประเทศไทย สักครู่ใหญ่ ๆ ก็มี ชาวปากเก่อญอตัวเล็ก ๆ ขับแมงกะไซค์มาจอด ชาลีรีบแนะนำว่า
"นี่ เขาชื่อสมศักดิ์ เดี๋ยวผมให้เขาขับรถให้นะ"
ความจริงผมเคยเห็น สมศักดิ์ คนนี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะว่าผมเองก็มาที่ แม่กลางหลวง ก็หลายหนแต่ เพิ่งมีโอกาสคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็คราวนี้แหละ เขาเป็นคนคุยเก่ง พูดไม่หยุดตลอดเส้นทางสู่บ้านผา หมอน ส่วนใหญ่มักจะพูดถึงกาแฟของเขา ผมก็ฟังแล้วก็เออออไปด้วยตามเรื่อง จนกระทั่งมาสะดุดตรงคำ พูดที่ว่า
"ตะลอนเชื่อรึเปล่า ว่ากาแฟของผม เจ้าของบริษัทเบอร์ดี้ที่อเมริกา ยังต้องบินมาลอง"
จากนั้น ผมถึงกับต้องปากอ้าตาค้าง ฟังเรื่องราวของเขา ด้วยความตกตะลึงแกมทึ่ง!!!
"แต่ก่อน ..เขาหาว่าผมเป็นคนบ้า..."
สมศักดิ์เริ่มเรื่องอย่างน่าฟัง ก่อนที่จะอธิบายด้วยสำเนียงเหน่อ ๆ แบบชาวเขาต่อไปว่า
"เพราะ 2 ปีแรกที่ผมทำไร่กาแฟ ได้กาแฟมาเท่าไหร่ผมเอาไปแจกชาวบ้านหมด เขาเลยว่ากันอย่างนั้น"
สมศักดิ์เล่าย้อนหลังถึงอดีตอย่างอารมณ์ดีว่า
"ผมอยากให้กาแฟของผมเป็นกาแฟปลอดสาร ทุกอย่างเลยยากตั้งแต่เริ่ม
ปุ๋ยนี่ผมก็ต้องไปเก็บขี้วัวขี้ควายมาใส่ เพราะปุ๋ยเคมีนี่ผมไม่ใช้เลย
ทำไปปีแรกก็มีปัญหาเรื่องเชื้อกินแก่นลำต้น ผมเลยไปปรึกษากับทางโครงการหลวง ฯ"
สมศักดิ์หมายถึงโครงการหลวงดอยขุนกลางที่อยู่ถัดไปอีกเล็กน้อย
"ตอนนั้นผมดังมากครับ เพราะว่าไปทะเลาะกับอาจารย์จาก มช. ที่เป็นที่ปรึกษาโครงการหลวง ฯ"
ตอนแรกเขาแค่ขู่ ว่า จะไม่รับกาแฟของผมไปขายเพราะไม่ได้คุณภาพ
เพราะกาแฟผม ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี แล้วก็ไม่มีการฉีดยาป้องกันโรค
ผมบอกเขาว่า ผมยังอยากทำตามวิธีของผม ผมต้องการให้กาแฟผมปลอดสาร
ผมเชื่อว่าสามารถทำได้ แต่เขาบอกว่าทำไม่ได้ คุยกันไปคุยกันมา
ตอนท้าย ๆ เขาพูดเลยนะว่า
"คุณรู้รึเปล่าว่าผมเรียนจบอะไรมา แล้วคุณล่ะ !!!"
"ผมต้องมาหาทางแก้ไขเรื่องเชื้อรากินลำต้นเอาเอง
เพราะทางโครงการ ฯ บอกว่าต้องเอายาฆ่าแมลงมาหยอดตรงจุดที่เป็น แต่
เจ้าเชื้อนี้ มันเริ่มกินจากราก แล้วค่อย ๆ ลามมากินแก่นกลางลำต้น กว่าจะเห็นว่าเป็นโรค ต้นนั้นก็ตายแล้ว ยิ่งตัวผมเองก็ไม่ใช้สารเคมีอยู่แล้ว ก็เลยต้องหาทางใหม่"
"ตอนหลังผมมารู้ว่า เจ้าเชื้อนี้น่ะแพ้มดส้ม"
เขาพูดถึง มดส้มซึ่งหมายถึงมดแดง แล้วเล่าต่อว่า
"ผมก็ไปหามดส้มมาไว้ที่ต้นกาแฟผม แต่มดส้มก็ดันย้ายรังหนีหมด เพราะไม่มีอะไรกิน ผมก็นึกมาได้ว่า มดส้มต้องอยู่กับต้นมะม่วง ผมเลยปลูกต้นมะม่วงแซม ปรากฏว่ามดส้มไปอยู่ที่ต้นมะม่วงหมดเลย"
เขาพูดไปหัวเราะไป
"จากนั้น ผมก็เลยลองปลูกต้นไม้แซมหลาย ๆ อย่าง จนปีที่สองทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น พอปีที่สาม ผมก็เก็บเกี่ยวมาขายได้ ทางโครงการหลวง ฯ ก็เริ่มยอมรับ"
"ปกติทางญี่ปุ่นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพกาแฟว่าปลอดสารหรือไม่ เชื่อรึเปล่าว่าทางผู้ส่งออก ต้องให้มาตรวจที่นี่เท่านั้น เพราะว่ากาแฟจากที่อื่นไม่มีทางตรวจผ่าน ปกติเขาจะชอบพามาตอนเย็น ๆ พอตรวจเสร็จก็มืด จะได้ไม่มีเวลาไปตรวจที่อื่นอีกไง ...555"
"ก่อนทำไร่กาแฟ ผมเคยไปเห็นต้นกาแฟโบราณ มันอยู่กลางป่าตั้งห้าสิบกว่าปีโดยไม่มีใครมาดูแล มันก็ยัง ให้ผลตามปกติ ....ไม่มีใครไปรดน้ำก็ยังอยู่ได้"
เขาท้าวความไปยังอดีตอีกครั้ง
"ผมมานั่งนึก ๆ ดูแล้ว ต้นไม้ก็เหมือนคนเรานี่แหละ คนเราถ้าได้กินวันละ 3 มื้อ พอขาดมื้อไหนไป ก็จะหิวจนทนไม่ได้ เพราะไม่ชินต้นไม้นี่ก็เหมือนกัน ถ้ารดน้ำทุกเช้า หากไม่ได้รดสัก 2 - 3 วันมันก็แย่"
" แต่ดู อย่างพระสิ บางท่านก็ฉันแค่มื้อเดียวก็อยู่ได้แล้ว เจ้าต้นกาแฟโบราณนี่ก็เหมือนกัน ปีนึงรดน้ำหน เดียว คือน้ำฝนในช่วงหน้าฝนก็อยู่ได้แล้ว เพราะเป็น ความเคยชินของมัน"
"เดี๋ยวนี้ทางโครงการ ฯ ต้องมาดูงานที่ไร่ของผม เพราะไร่ของทางโครงการ ฯ ต้องจ้างคนเฝ้า 6-7 คน ไว้คอยพ่นยา รดน้ำ เดือนหนึ่ง ๆ มีค่าใช้จ่าย 3 - 4 หมื่นบาท"
" แต่ไร่ของผม ใช้มดส้มเฝ้า ไม่เสียสักบาทหนึ่ง พอฝนตกเมื่อไหร่ก็ถือเป็นการรดน้ำ เพราะต้นกาแฟของผมชินกับการให้น้ำปีละครั้งในช่วงหน้าฝนอยู่แล้ว"
"แต่ละเดือนผมแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย นาน ๆ ค่อยจ้างคนมาถางหญ้าสักครั้ง ด้านอาจารย์ มช. ตอนนี้ก็กลายเป็นสนิทกันไปแล้ว เขายังเชิญผมไปพูดที่ มช. อยู่บ่อย ๆ เลย"
"ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าเรื่องกาแฟของผมไปเข้าหูเจ้าของกาแฟเบอร์ดี้ได้ยังไง เพราะจู่ ๆ วันหนึ่ง หม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ที่ดูแลโครงการหลวง ฯ ก็พาเขามาหาผม ผมก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน"
สมศักดิ์เล่าต่อว่า
"เขาบินมาเมืองไทยเพื่อมาหาผมโดยเฉพาะ แล้วเขาก็ติดต่อขอความช่วยเหลือมาทางหม่อมเจ้าภีศเดช ฯ แล้วหม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ก็พาเขามาหาผมถึงบ้านเลย "
"เราคุยกันตั้งนานแน่ะ เขาบอกว่าอยากลองชิมกาแฟของผม ผมเลยชงให้เขา เชื่อรึเปล่าว่าตอนนั้น เครื่องบินจะออกอยู่แล้ว เลขา ฯ ของเขาก็เร่งใหญ่เลย แต่เขาบอกว่า ขอกินกาแฟของผมให้หมดก่อน เรื่องเดินทางกลับค่อยว่ากันทีหลัง ผมยังภูมิใจจนทุกวันนี้ ...."
สมศักดิ์ในวันนี้ เป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้ออกรายการทีวีหลายต่อหลายครั้ง
เป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้รับเชิญให้ไปบรรยายในหลาย ๆ จังหวัด
และคงเป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้เข้าเฝ้า.....บ่อยที่สุด
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กว่าเขาจะก้าวมาจนถึงวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมามากมายเพียงใด
แต่ผมก็พอจะเข้าใจว่า ความกล้าที่จะแตกต่างอย่างมีคุณค่า ต้องแลกมาด้วยความทุ่มเทเพียงใด และผม คงต้องขอคารวะ ให้กับปกาเก่อญอตัวเล็ก ๆ แต่หัวใจยิ่งใหญ่คนนี้...
สมศักดิ์....ปกาเก่อญอผู้เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น แห่งบ้านแม่กลางหลวง ......
โดย ตะลอน เวลา 21:57:00 น. วันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2004
สมศักดิ์....ปกาเก่อญอผู้เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น แห่งบ้านแม่กลางหลวง ......
"เดี๋ยวผมหาคนขับรถให้"
ชาลี ชาวปกาเก่อญอเจ้าหน้าที่โครงการการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แม่กลางหลวงบอกกับเราหลังจากแนะนำ ให้ไปเที่ยวที่จุดชมวิว *บ้านผาหมอน* จุดชมทุ่งนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในประเทศไทย สักครู่ใหญ่ ๆ ก็มี ชาวปากเก่อญอตัวเล็ก ๆ ขับแมงกะไซค์มาจอด ชาลีรีบแนะนำว่า
"นี่ เขาชื่อสมศักดิ์ เดี๋ยวผมให้เขาขับรถให้นะ"
ความจริงผมเคยเห็น สมศักดิ์ คนนี้มาหลายครั้งแล้ว เพราะว่าผมเองก็มาที่ แม่กลางหลวง ก็หลายหนแต่ เพิ่งมีโอกาสคุยกันเป็นเรื่องเป็นราวก็คราวนี้แหละ เขาเป็นคนคุยเก่ง พูดไม่หยุดตลอดเส้นทางสู่บ้านผา หมอน ส่วนใหญ่มักจะพูดถึงกาแฟของเขา ผมก็ฟังแล้วก็เออออไปด้วยตามเรื่อง จนกระทั่งมาสะดุดตรงคำ พูดที่ว่า
"ตะลอนเชื่อรึเปล่า ว่ากาแฟของผม เจ้าของบริษัทเบอร์ดี้ที่อเมริกา ยังต้องบินมาลอง"
จากนั้น ผมถึงกับต้องปากอ้าตาค้าง ฟังเรื่องราวของเขา ด้วยความตกตะลึงแกมทึ่ง!!!
"แต่ก่อน ..เขาหาว่าผมเป็นคนบ้า..."
สมศักดิ์เริ่มเรื่องอย่างน่าฟัง ก่อนที่จะอธิบายด้วยสำเนียงเหน่อ ๆ แบบชาวเขาต่อไปว่า
"เพราะ 2 ปีแรกที่ผมทำไร่กาแฟ ได้กาแฟมาเท่าไหร่ผมเอาไปแจกชาวบ้านหมด เขาเลยว่ากันอย่างนั้น"
สมศักดิ์เล่าย้อนหลังถึงอดีตอย่างอารมณ์ดีว่า
"ผมอยากให้กาแฟของผมเป็นกาแฟปลอดสาร ทุกอย่างเลยยากตั้งแต่เริ่ม
ปุ๋ยนี่ผมก็ต้องไปเก็บขี้วัวขี้ควายมาใส่ เพราะปุ๋ยเคมีนี่ผมไม่ใช้เลย
ทำไปปีแรกก็มีปัญหาเรื่องเชื้อกินแก่นลำต้น ผมเลยไปปรึกษากับทางโครงการหลวง ฯ"
สมศักดิ์หมายถึงโครงการหลวงดอยขุนกลางที่อยู่ถัดไปอีกเล็กน้อย
"ตอนนั้นผมดังมากครับ เพราะว่าไปทะเลาะกับอาจารย์จาก มช. ที่เป็นที่ปรึกษาโครงการหลวง ฯ"
ตอนแรกเขาแค่ขู่ ว่า จะไม่รับกาแฟของผมไปขายเพราะไม่ได้คุณภาพ
เพราะกาแฟผม ไม่ได้ใส่ปุ๋ยเคมี แล้วก็ไม่มีการฉีดยาป้องกันโรค
ผมบอกเขาว่า ผมยังอยากทำตามวิธีของผม ผมต้องการให้กาแฟผมปลอดสาร
ผมเชื่อว่าสามารถทำได้ แต่เขาบอกว่าทำไม่ได้ คุยกันไปคุยกันมา
ตอนท้าย ๆ เขาพูดเลยนะว่า
"คุณรู้รึเปล่าว่าผมเรียนจบอะไรมา แล้วคุณล่ะ !!!"
"ผมต้องมาหาทางแก้ไขเรื่องเชื้อรากินลำต้นเอาเอง
เพราะทางโครงการ ฯ บอกว่าต้องเอายาฆ่าแมลงมาหยอดตรงจุดที่เป็น แต่
เจ้าเชื้อนี้ มันเริ่มกินจากราก แล้วค่อย ๆ ลามมากินแก่นกลางลำต้น กว่าจะเห็นว่าเป็นโรค ต้นนั้นก็ตายแล้ว ยิ่งตัวผมเองก็ไม่ใช้สารเคมีอยู่แล้ว ก็เลยต้องหาทางใหม่"
"ตอนหลังผมมารู้ว่า เจ้าเชื้อนี้น่ะแพ้มดส้ม"
เขาพูดถึง มดส้มซึ่งหมายถึงมดแดง แล้วเล่าต่อว่า
"ผมก็ไปหามดส้มมาไว้ที่ต้นกาแฟผม แต่มดส้มก็ดันย้ายรังหนีหมด เพราะไม่มีอะไรกิน ผมก็นึกมาได้ว่า มดส้มต้องอยู่กับต้นมะม่วง ผมเลยปลูกต้นมะม่วงแซม ปรากฏว่ามดส้มไปอยู่ที่ต้นมะม่วงหมดเลย"
เขาพูดไปหัวเราะไป
"จากนั้น ผมก็เลยลองปลูกต้นไม้แซมหลาย ๆ อย่าง จนปีที่สองทุกอย่างก็เริ่มดีขึ้น พอปีที่สาม ผมก็เก็บเกี่ยวมาขายได้ ทางโครงการหลวง ฯ ก็เริ่มยอมรับ"
"ปกติทางญี่ปุ่นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพกาแฟว่าปลอดสารหรือไม่ เชื่อรึเปล่าว่าทางผู้ส่งออก ต้องให้มาตรวจที่นี่เท่านั้น เพราะว่ากาแฟจากที่อื่นไม่มีทางตรวจผ่าน ปกติเขาจะชอบพามาตอนเย็น ๆ พอตรวจเสร็จก็มืด จะได้ไม่มีเวลาไปตรวจที่อื่นอีกไง ...555"
"ก่อนทำไร่กาแฟ ผมเคยไปเห็นต้นกาแฟโบราณ มันอยู่กลางป่าตั้งห้าสิบกว่าปีโดยไม่มีใครมาดูแล มันก็ยัง ให้ผลตามปกติ ....ไม่มีใครไปรดน้ำก็ยังอยู่ได้"
เขาท้าวความไปยังอดีตอีกครั้ง
"ผมมานั่งนึก ๆ ดูแล้ว ต้นไม้ก็เหมือนคนเรานี่แหละ คนเราถ้าได้กินวันละ 3 มื้อ พอขาดมื้อไหนไป ก็จะหิวจนทนไม่ได้ เพราะไม่ชินต้นไม้นี่ก็เหมือนกัน ถ้ารดน้ำทุกเช้า หากไม่ได้รดสัก 2 - 3 วันมันก็แย่"
" แต่ดู อย่างพระสิ บางท่านก็ฉันแค่มื้อเดียวก็อยู่ได้แล้ว เจ้าต้นกาแฟโบราณนี่ก็เหมือนกัน ปีนึงรดน้ำหน เดียว คือน้ำฝนในช่วงหน้าฝนก็อยู่ได้แล้ว เพราะเป็น ความเคยชินของมัน"
"เดี๋ยวนี้ทางโครงการ ฯ ต้องมาดูงานที่ไร่ของผม เพราะไร่ของทางโครงการ ฯ ต้องจ้างคนเฝ้า 6-7 คน ไว้คอยพ่นยา รดน้ำ เดือนหนึ่ง ๆ มีค่าใช้จ่าย 3 - 4 หมื่นบาท"
" แต่ไร่ของผม ใช้มดส้มเฝ้า ไม่เสียสักบาทหนึ่ง พอฝนตกเมื่อไหร่ก็ถือเป็นการรดน้ำ เพราะต้นกาแฟของผมชินกับการให้น้ำปีละครั้งในช่วงหน้าฝนอยู่แล้ว"
"แต่ละเดือนผมแทบจะไม่มีค่าใช้จ่ายอะไรเลย นาน ๆ ค่อยจ้างคนมาถางหญ้าสักครั้ง ด้านอาจารย์ มช. ตอนนี้ก็กลายเป็นสนิทกันไปแล้ว เขายังเชิญผมไปพูดที่ มช. อยู่บ่อย ๆ เลย"
"ผมไม่รู้เหมือนกันนะครับ ว่าเรื่องกาแฟของผมไปเข้าหูเจ้าของกาแฟเบอร์ดี้ได้ยังไง เพราะจู่ ๆ วันหนึ่ง หม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ที่ดูแลโครงการหลวง ฯ ก็พาเขามาหาผม ผมก็งง ๆ อยู่เหมือนกัน"
สมศักดิ์เล่าต่อว่า
"เขาบินมาเมืองไทยเพื่อมาหาผมโดยเฉพาะ แล้วเขาก็ติดต่อขอความช่วยเหลือมาทางหม่อมเจ้าภีศเดช ฯ แล้วหม่อมเจ้าภีศเดช ฯ ก็พาเขามาหาผมถึงบ้านเลย "
"เราคุยกันตั้งนานแน่ะ เขาบอกว่าอยากลองชิมกาแฟของผม ผมเลยชงให้เขา เชื่อรึเปล่าว่าตอนนั้น เครื่องบินจะออกอยู่แล้ว เลขา ฯ ของเขาก็เร่งใหญ่เลย แต่เขาบอกว่า ขอกินกาแฟของผมให้หมดก่อน เรื่องเดินทางกลับค่อยว่ากันทีหลัง ผมยังภูมิใจจนทุกวันนี้ ...."
สมศักดิ์ในวันนี้ เป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้ออกรายการทีวีหลายต่อหลายครั้ง
เป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้รับเชิญให้ไปบรรยายในหลาย ๆ จังหวัด
และคงเป็นชาวปกาเก่อญอ ที่ได้เข้าเฝ้า.....บ่อยที่สุด
ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กว่าเขาจะก้าวมาจนถึงวันนี้เขาต้องผ่านอะไรมามากมายเพียงใด
แต่ผมก็พอจะเข้าใจว่า ความกล้าที่จะแตกต่างอย่างมีคุณค่า ต้องแลกมาด้วยความทุ่มเทเพียงใด และผม คงต้องขอคารวะ ให้กับปกาเก่อญอตัวเล็ก ๆ แต่หัวใจยิ่งใหญ่คนนี้...
สมศักดิ์....ปกาเก่อญอผู้เด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น แห่งบ้านแม่กลางหลวง ......
โดย ตะลอน เวลา 21:57:00 น. วันจันทร์ที่ 12 มกราคม 2004