หลงทางในความมืด

Lost in the Dark

ในเดือนตุลาคม 1997 ฉันเพิ่งจะเรียนดำน้ำจบมาเพียงหกเดือน และดำน้ำมาเพียง 10 ไดฟ์ พวกเราซึ่งมีตัวฉันเอง สเตฟ และเฮิร์บกำลังท่องเที่ยวกันอย่างสนุกสนานที่ Baja ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นมีอุปสรรคอยู่บ้าง เฮิร์บลืมชุดเวทสูทและบีซีดี และต้องขอยืมของสเตฟ วาล์ว low pressure inflater บีซีดีของฉันก็มีปัญหา ทำให้ฉันต้องพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำด้วยความเร็ว รวมทั้งนาฬิกา Timex ของฉันมีน้ำเข้า ทำให้ไม่เดินต่อไป บีซีดีของสเตฟไม่สามารถปล่อยลมออกไปได้อย่างที่ควรจะเป็น และหน้ากากของเธอก็มีฝ้าจับตลอดเวลา และเช่นเดียวกัน นักดำน้ำหน้าใหม่ทั่วไป มีบางครั้งที่ฉันลงน้ำไป และพบว่าไม่ได้ใส่เข็มขัดตะกั่ว ฉันคิดว่าในกลุ่มของเรารวมกันแล้ว น่าจะเป็นนักดำน้ำที่ดีได้เหมือนกัน แต่หากแยกออกมาตัวใครตัวมันแล้ว ฉันคิดว่าเรายังต้องการความช่วยเหลือ

เมื่อมีโอกาสที่จะไปดำ night dive กัน เรามองหน้ากัน แล้วก็บอกว่า ทำไมจะไม่ดำล่ะ พวกเราทุกคนมีการเรียนมาเพียงชั้น Open Water Diver เท่านั้น รวมทั้งไม่เคยมีประสบการณ์ในการดำน้ำกลางคืนกันมาก่อน เราคิดว่าเรื่องแค่นี้คงไม่กระไรนัก ไม่มีใครถามว่าเราดำน้ำกลางคืนกันได้หรือเปล่า พวกเราก็ตกลงกันไว้ว่า ไม่มีใครถามก็ไม่ต้องบอกใครก็แล้วกัน เราไปถึงที่หมาย แต่งตัว ฟังการบรรยายเรื่องสถานที่ดำน้ำ แล้วก็ลงน้ำกันไป

ปัญหาของเราเริ่มต้นในทันทีทันใด ไฟฉายของสเตฟเสีย และไม่มีใครในกลุ่มมีไฟฉายสำรองลงไปด้วย ไฟฉายที่ฉันนำลงไป เป็นไฟฉายที่นักดำน้ำทั่วไปใช้เป็นไฟฉายสำรอง และฉันเป็นคนเดียวที่มีเข็มทิศ โดยได้ทำการฝึกบนบกมาแล้วบ้าง แล้วก็คิดว่ามันคงไม่ต่างกันเท่าไร

เราได้ดำน้ำกันอย่างสนุกสนานทีเดียว เส้นทางการดำน้ำของเราค่อนข้างจะยุ่งเหยิง ไปทางโน้นทีทางนี้ที เมื่อไม่มีนาฬิกา ฉันก็พยายามจะนับอัตราการเต้นของหัวใจและ fin kick แทน เพื่อจะรู้ว่าเราอยู่กันตรงไหน ฉันพยายามสังเกตพื้นที่ใต้น้ำ กระแสน้ำ สิ่งอื่น ๆ ใต้น้ำ เพื่อจะจดจำไว้กลับ และพบว่ามันไม่ได้แตกต่างไปกับที่ได้รับรู้มาก่อนจากการฟังบรรยายบนบก เพราะฉะนั้น เมื่อเราส่องดูเกจ์และตัดสินใจที่จะกลับ ฉันค่อนข้างมั่นใจว่าจะนำกลับได้สบายๆ

ความมั่นใจของฉันมีอยู่ได้เพียง 30 วินาที ฉันพยายามพาพรรคพวกตัดกลับเข้าหาเรือ โดยไม่ย้อนกลับทางเดิมเลย เพราะคิดว่ารู้ว่าตัวอยู่ตรงไหนและจะกลับไปที่เรืออย่างไร ฉันได้ค้นพบว่าการเอียงของพื้นแตกต่างกันมากระหว่างใต้น้ำกับบนบก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริเวณใกล้ๆ ปากอ่าว ไม่มีดาวหรือเดือนคอยบอกทาง และระยะทางห่างกันแค่ 100 ฟิต ก็หมายถึงพื้นใต้น้ำ กระแสน้ำที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฉันรู้สึกกลัวและพยายามปรับแก้เพื่อต้านการไหลของกระแสน้ำที่มาจากหลายๆ ทาง ฉันรู้ว่าหัวใจเต้นเร็วขึ้นมาก สเตฟและเฮิร์บก็ตามมาอย่างดี ไม่มีอาการสงสัยอะไร ยิ่งทำให้ฉันรู้สึกกลัวมากยิ่งขึ้น

ฉันรู้สึกกังวลใจยิ่งขึ้นเมื่อเราดำผ่านภูเขาใต้น้ำ และพบว่าเข็มทิศของฉันหมุนช้าๆ เป็นวงกลม ฉันเอาเข็มทิศให้พรรคพวกดูเพื่อให้เขารู้ว่าฉันกำลังมีปัญหาในการหาทางใต้น้ำ แต่พวกเขาได้แต่ยักไหล่ และบอกให้ฉันนำต่อไป ฉันก็เลยเดาทางที่ดีที่สุดและพาเพื่อนๆ ดำน้ำกันต่อ ในใจรู้สึกว่าเรากำลังดำน้ำออกทะเลกัน และคงไม่ได้เห็นฝั่งอีกเป็นแน่ ไม่มีใครมีอุปกรณ์ให้สัญญาณฉุกเฉินอะไรเลยยกเว้นการร้องเรียก ในที่สุด ฉันก็ถึงจุดที่คิดว่าเรือจะอยู่ตรงนี้แล้วเริ่มทำ Safety Stop กัน ฉันกับเฮิร์บทำ Safety Stop ในที่มืด ขณะที่สเตฟพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำผ่านเราไปเพราะบีซีดีเสีย

เมื่อขึ้นถึงผิวน้ำ ฉันก็โล่งใจ เพราะเรืออยู่ห่างไปเพียง 20 เมตรเท่านั้นเอง ฉันให้สัญญาณด้วยไฟฉายของฉันว่าพวกเราสบายดี และพบว่าไฟฉายของฉันดับขณะที่ให้สัญญาณนั่นเอง พวกเราหัวเราะกันเบาๆ ด้วยความโล่งใจ หลังจากประสบการณ์ครั้งนั้นแล้ว ฉันก็ได้ลงเรียน Advanced Open Water และระมัดระวังที่จะไม่ดำน้ำเกินระดับการเรียนรู้และประสบการณ์ของฉันอีกต่อไป

เขียนโดย Jeff Burhans, หนังสือ Skin Diver: April 2001
เรียบเรียงโดย ดร. พิชิต เมืองนาโพธิ์
พิสูจน์อักษร ทีมงาน FreedomDIVE
ปรับปรุงล่าสุด 27 ส.ค. 2550