นั่งเล่น หย่อนใจ รับปีใหม่ กับ "ความสุข ของกะทิ"
- ปักเป้า
- Advanced Member
- โพสต์: 1276
- meble kuchenne - tworzymyatmosfere.pl
- ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ค. 24, 2005 10:44 pm
บังเอิญผ่านไป ได้อ่านบทความ เกี่ยวกับหนังสือดีของไทย go inter ไปได้ถึง 5 ประเทศ เลยเก็บมาฝาก เพื่อนๆ ครับ
งามพรรณ เวชชาชีวะ โก อินเตอร์ ด้วย 'ความสุขของกะทิ'
ปรากฏการณ์การส่งออกสินค้าทางปัญญาในวงการวรรณกรรมไทยที่สามารถเชื่อมโยงกับวงการหนังสือในระดับโลกนั้นแทบจะไม่มีเกิดขึ้นเลย หากว่าไปแล้ววงการหนังสือบ้านเรานั้นเสียดุลทางการค้าและเสียดุลทางปัญญากับหนังสือประเภทต่างๆ ที่ซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำเข้ามาแปลวางจำหน่าย หลังจากที่กฎหมายที่ปกป้องทรัพย์ทางปัญญามีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา
วรรณกรรมไทยที่ถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศในหลายๆ ภาษา ล้วนเป็นหนังสือที่ถูกการันตีด้วยคุณค่าของตัวเอง รวมถึงกาลเวลาที่เป็นเครื่องพิสูจน์ 'ฟ้าบ่กั้น' ของลาว คำหอม ได้รับเกียรตินำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษา รวมถึง 'ลูกอีสาน' ของคำพูน บุญทวี ที่มีการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส และอังกฤษ
สำหรับการแปลวรรณกรรมไทยเป็นภาษาต่างประเทศ ส่วนใหญ่ล้วนมีวัตถุประสงค์ในการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ทางวรรณกรรมระหว่างประเทศ มากกว่าเชิงพาณิชย์ในฐานะตัวสินค้าหรือทรัพย์สินทางปัญญา
แดนอรัญ แสงทอง มีงานเขียนที่ถูกนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสขายในยุโรป งานเขียนของชาติ กอบจิตติ ก็มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อวางจำหน่ายให้คนต่างชาติได้เสพวรรณกรรมไทย รวมถึงส่งขายในระดับนานาชาติ
วันนี้ ตลาดหนังสือไทยได้มีมิติใหม่เกิดขึ้น เมื่อหนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่ชื่อ 'ความสุขของกะทิ' ของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลวางจำหน่ายด้วยกันใน 5 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
ถือเป็นปรากฏการณ์พิเศษซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการหนังสือเมืองไทย
1. โก อินเตอร์
ชื่อของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ไม่ได้ใหม่เลย สำหรับวงการหนังสือเมืองไทย เธอคร่ำหวอดมายาวนานในฐานะนักแปลคุณภาพที่คัดสรรงานแปลจากหนังสือที่ดีเยี่ยมจากต่างประเทศมาให้คนไทยได้เสพอ่าน เป็นบรรณาธิการ และดูแลบริหารบริษัทซิลค์โรด เอเยนซี แต่ในฐานะนักเขียน เธอเพิ่งมีงานเล่มนี้เป็นเล่มแรกของชีวิต แม้จะประสบความสำเร็จในเมืองไทยพอสมควร เพราะพิมพ์ไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่การถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปพิมพ์เป็นภาษาต่างประเทศ เป็นความสำเร็จที่เกินจะคาดคิด
"ตอนนี้มีการขอซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศแล้ว 5 ประเทศ มีเยอรมนี โดยสำนักพิมพ์เซซิลี เดรสเลอร์ (Cecilie Dressler Verlag) ซึ่งจะออกวางตลาดในวันที่1 กุมภาพันธ์ 2006 (วันนี้) ที่ประเทศของเขา เป็นเล่มปฐมฤกษ์ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลแล้วออกวางขายเป็นประเทศแรก ที่จะออกตามก็มีที่ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ โดยสำนักพิมพ์อัลแลนแอนด์อันวิน (Allen & Unwin) กำหนดออกในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ส่วนของญี่ปุ่น โดยสำนักพิมพ์โกดานฉะ (Kodansha) จะออกตามในเดือนมิถุนายน สำหรับสหรัฐอเมริกาจะจัดพิมพ์โดยไซมอนด์แอนด์ชูสเตอร์ (Simon & Schuster) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เข้าใจว่าคงอยู่ในระหว่างเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมในปีนี้ แล้วก็มีของฝรั่งเศส โดยสำนักพิมพ์กัลลิมารฺ (Editions Gallimard) ซึ่งยังไม่ได้บอกว่าจะพิมพ์เมื่อไหร่ แต่ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว" งามพรรณ บอกถึงรายละเอียด
เธอเล่าถึงการตกลงกับสำนักพิมพ์ต่างประเทศต่อว่า กับทางฝรั่งเศสจะเป็นการขอซื้อลิขสิทธิ์ที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะว่าได้ไปพบกับบรรณาธิการที่ติดต่อมาเอง
"เป็นประเทศแรกที่ขายลิขสิทธิ์หนังสือเล่มนี้ได้ ทีแรกเอเยนต์เสนอไปทั้งหมด 6 สำนักพิมพ์ ซึ่งตอบรับมาหมดทั้ง 6 แห่งเลย ให้มาเลือกเงื่อนไขการซื้อลิขสิทธิ์เอาเอง ก็มานั่งดูแล้วคิดว่า ฝันไปหรือเปล่า ต้องหยิกตัวเอง เอเยนต์บอกว่า ปกติจะไม่เสนอหลายสำนักพิมพ์พร้อมกันอย่างนี้ แต่ว่าตัวเอเยนต์อ่านแล้วชอบ ก็เลยลองดู ปรากฏว่าทุกแห่งที่ส่งไปตอบตกลงมาหมด แค่ที่เดียวตอบรับก็ดีใจมากแล้ว เอเยนต์เองก็ตื่นเต้น แต่สุดท้ายก็เลือกสำนักพิมพ์กัลลิมาร เพราะเป็นสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุด แล้วจะพิมพ์ออกมา 2 ฉบับ คือ ฉบับพิเศษที่เป็นเล่มใหญ่ อีกฉบับเป็นปกอ่อน ราคาถูกกว่า สำนักพิมพ์ทำสัญญาพร้อมกัน 2 ฉบับ จ่ายค่าลิขสิทธิ์ 2 ก้อนสำหรับการพิมพ์เล่มใหญ่กับเล่มเล็กพร้อมกันเลย โดยปกติในฝรั่งเศส สำนักพิมพ์จะพิมพ์แบบเดียว ส่วนเล่มเล็กต้องไปขายกแก่สำนักพิมพ์อื่นอีกที แต่เล่มนี้เขาซื้อรวบ 2 แบบ
"ได้ไปพบกับตัวบรรณาธิการเอง เขาบอกว่า มีคนนำต้นฉบับภาษาอังกฤษมาให้ แล้วสั่งว่า ต้องอ่านให้ได้นะ เขาเห็นว่าเป็นเล่มเล็กๆ ก็เอาใส่กระเป๋าไปอ่านบนรถไฟ นั่งรถไฟจากปารีสไปลอนดอน เขาบอกว่า เขาร้องไห้ไปในรถไฟ ประทับใจมาก พอลงรถไฟก็โทร. กลับมาบอกที่ปารีสว่า หนังสือเล่มนี้ซื้อไว้เลยนะ พอเขาเจอเรา เขาก็ตื่นเต้นใหญ่"
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ งามพรรณ ทำงานเป็นเอเยนต์หรือตัวแทนนักเขียนด้วย แต่ก็พยายามระมัดระวังตัวไม่ให้ล้ำเส้นคำว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน
"เพราะจริงๆ แล้วสวมหมวกหลายใบมาก ก็ระวังเต็มที่เหมือนกัน การเป็นเอเยนต์ที่ซิลค์โรดคือเป็นซับ-เอเยนต์ มีหน้าที่แค่ขายงานของนักเขียนต่างชาติในเมืองไทย ถ้าวันหนึ่งลุกขึ้นมาทำตัวเป็นนักเขียนแล้วเขียนไปหาสำนักพิมพ์หรือตัวแทนนักเขียนที่ทำงานด้วยกันว่า ฉันเป็นนักเขียนแล้วนะ เอาของฉันไปขายไหม ก็คงจะฟังแปลกๆ ก็ต้องระวังมาก การอยู่ตรงนี้มานาน บริษัทซิลค์โรด เอเยนซีครบ 10 ปีพอดีปีนี้ ทุกคนก็เป็นเหมือนเพื่อนกันแล้ว เจอกันที่ลอนดอนบ้าง โบโลญญาบ้าง แฟรงก์เฟิร์ตบ้าง เวลาคุยๆ ดื่มน้ำชา ก็มีเผลอๆ เล่าไป
"จริงๆ แล้วเลือกส่งงานให้ติดต่อเอเยนต์ดู 2 ราย รายแรกบอกมาตามตรงเลยว่าไม่ทำหนังสือเด็ก รายที่สองที่ทำให้ตอนนี้ เขาอ่านแล้วชอบเลย ตอบรับกลับมาภายในอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งก็ลุ้นมาก เพราะตอนนั้นก็เริ่มติดต่อเองแล้วบ้างเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาก็สรุปว่าเมื่อถึงเวลาต้องต่อรอง มีคนทำให้ก็จะดีกว่า ถ้าถามว่า ที่มาถึงตรงนี้ได้เพราะการเป็นเอเยนต์มีส่วนด้วยไหม ก็ต้องตอบว่ามีส่วน แต่ก็ทำด้วยความระวัง หวังว่าจะไม่มาเกะกะรุงรังหรือซ้อนกัน ใช้ความเป็นเพื่อนเสียมากกว่า สำนักพิมพ์ที่รู้จักกันเขาก็แนะนำต่อๆ กัน อย่างสำนักพิมพ์ที่ออสเตรเลียเพิ่งบอกมาว่า กำลังจะไปมาเลเซียและอินโดนีเซีย คงไม่ว่านะถ้าเจอใครแล้วจะโฆษณาหนังสือให้ แล้วรู้สึกดี บอกเขาไปว่า ไม่ว่าหรอก มีแต่จะขอบคุณ"
อ่านบทความเต็ม ได้ที่ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000013631' target='_blank'>เว็บไซต์ผู้จัดการ
งามพรรณ เวชชาชีวะ โก อินเตอร์ ด้วย 'ความสุขของกะทิ'
ปรากฏการณ์การส่งออกสินค้าทางปัญญาในวงการวรรณกรรมไทยที่สามารถเชื่อมโยงกับวงการหนังสือในระดับโลกนั้นแทบจะไม่มีเกิดขึ้นเลย หากว่าไปแล้ววงการหนังสือบ้านเรานั้นเสียดุลทางการค้าและเสียดุลทางปัญญากับหนังสือประเภทต่างๆ ที่ซื้อลิขสิทธิ์เพื่อนำเข้ามาแปลวางจำหน่าย หลังจากที่กฎหมายที่ปกป้องทรัพย์ทางปัญญามีผลบังคับใช้ตั้งแต่ปี 2537 เป็นต้นมา
วรรณกรรมไทยที่ถูกนำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศในหลายๆ ภาษา ล้วนเป็นหนังสือที่ถูกการันตีด้วยคุณค่าของตัวเอง รวมถึงกาลเวลาที่เป็นเครื่องพิสูจน์ 'ฟ้าบ่กั้น' ของลาว คำหอม ได้รับเกียรตินำไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศหลายภาษา รวมถึง 'ลูกอีสาน' ของคำพูน บุญทวี ที่มีการแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น, ฝรั่งเศส และอังกฤษ
สำหรับการแปลวรรณกรรมไทยเป็นภาษาต่างประเทศ ส่วนใหญ่ล้วนมีวัตถุประสงค์ในการแลกเปลี่ยนและเผยแพร่ความรู้ทางวรรณกรรมระหว่างประเทศ มากกว่าเชิงพาณิชย์ในฐานะตัวสินค้าหรือทรัพย์สินทางปัญญา
แดนอรัญ แสงทอง มีงานเขียนที่ถูกนำไปแปลเป็นภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสขายในยุโรป งานเขียนของชาติ กอบจิตติ ก็มีการแปลเป็นภาษาอังกฤษเพื่อวางจำหน่ายให้คนต่างชาติได้เสพวรรณกรรมไทย รวมถึงส่งขายในระดับนานาชาติ
วันนี้ ตลาดหนังสือไทยได้มีมิติใหม่เกิดขึ้น เมื่อหนังสือวรรณกรรมเยาวชนที่ชื่อ 'ความสุขของกะทิ' ของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลวางจำหน่ายด้วยกันใน 5 ประเทศ คือ ออสเตรเลีย, เยอรมนี, ฝรั่งเศส, สหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น
ถือเป็นปรากฏการณ์พิเศษซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวงการหนังสือเมืองไทย
1. โก อินเตอร์
ชื่อของ งามพรรณ เวชชาชีวะ ไม่ได้ใหม่เลย สำหรับวงการหนังสือเมืองไทย เธอคร่ำหวอดมายาวนานในฐานะนักแปลคุณภาพที่คัดสรรงานแปลจากหนังสือที่ดีเยี่ยมจากต่างประเทศมาให้คนไทยได้เสพอ่าน เป็นบรรณาธิการ และดูแลบริหารบริษัทซิลค์โรด เอเยนซี แต่ในฐานะนักเขียน เธอเพิ่งมีงานเล่มนี้เป็นเล่มแรกของชีวิต แม้จะประสบความสำเร็จในเมืองไทยพอสมควร เพราะพิมพ์ไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่การถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปพิมพ์เป็นภาษาต่างประเทศ เป็นความสำเร็จที่เกินจะคาดคิด
"ตอนนี้มีการขอซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลเป็นภาษาต่างประเทศแล้ว 5 ประเทศ มีเยอรมนี โดยสำนักพิมพ์เซซิลี เดรสเลอร์ (Cecilie Dressler Verlag) ซึ่งจะออกวางตลาดในวันที่1 กุมภาพันธ์ 2006 (วันนี้) ที่ประเทศของเขา เป็นเล่มปฐมฤกษ์ที่ซื้อลิขสิทธิ์ไปแปลแล้วออกวางขายเป็นประเทศแรก ที่จะออกตามก็มีที่ออสเตรเลียกับนิวซีแลนด์ โดยสำนักพิมพ์อัลแลนแอนด์อันวิน (Allen & Unwin) กำหนดออกในเดือนพฤษภาคมที่จะถึงนี้ ส่วนของญี่ปุ่น โดยสำนักพิมพ์โกดานฉะ (Kodansha) จะออกตามในเดือนมิถุนายน สำหรับสหรัฐอเมริกาจะจัดพิมพ์โดยไซมอนด์แอนด์ชูสเตอร์ (Simon & Schuster) ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ เข้าใจว่าคงอยู่ในระหว่างเดือนเมษายนหรือพฤษภาคมในปีนี้ แล้วก็มีของฝรั่งเศส โดยสำนักพิมพ์กัลลิมารฺ (Editions Gallimard) ซึ่งยังไม่ได้บอกว่าจะพิมพ์เมื่อไหร่ แต่ซื้อลิขสิทธิ์ไปแล้ว" งามพรรณ บอกถึงรายละเอียด
เธอเล่าถึงการตกลงกับสำนักพิมพ์ต่างประเทศต่อว่า กับทางฝรั่งเศสจะเป็นการขอซื้อลิขสิทธิ์ที่น่าตื่นเต้นมาก เพราะว่าได้ไปพบกับบรรณาธิการที่ติดต่อมาเอง
"เป็นประเทศแรกที่ขายลิขสิทธิ์หนังสือเล่มนี้ได้ ทีแรกเอเยนต์เสนอไปทั้งหมด 6 สำนักพิมพ์ ซึ่งตอบรับมาหมดทั้ง 6 แห่งเลย ให้มาเลือกเงื่อนไขการซื้อลิขสิทธิ์เอาเอง ก็มานั่งดูแล้วคิดว่า ฝันไปหรือเปล่า ต้องหยิกตัวเอง เอเยนต์บอกว่า ปกติจะไม่เสนอหลายสำนักพิมพ์พร้อมกันอย่างนี้ แต่ว่าตัวเอเยนต์อ่านแล้วชอบ ก็เลยลองดู ปรากฏว่าทุกแห่งที่ส่งไปตอบตกลงมาหมด แค่ที่เดียวตอบรับก็ดีใจมากแล้ว เอเยนต์เองก็ตื่นเต้น แต่สุดท้ายก็เลือกสำนักพิมพ์กัลลิมาร เพราะเป็นสำนักพิมพ์ที่ใหญ่ที่สุด แล้วจะพิมพ์ออกมา 2 ฉบับ คือ ฉบับพิเศษที่เป็นเล่มใหญ่ อีกฉบับเป็นปกอ่อน ราคาถูกกว่า สำนักพิมพ์ทำสัญญาพร้อมกัน 2 ฉบับ จ่ายค่าลิขสิทธิ์ 2 ก้อนสำหรับการพิมพ์เล่มใหญ่กับเล่มเล็กพร้อมกันเลย โดยปกติในฝรั่งเศส สำนักพิมพ์จะพิมพ์แบบเดียว ส่วนเล่มเล็กต้องไปขายกแก่สำนักพิมพ์อื่นอีกที แต่เล่มนี้เขาซื้อรวบ 2 แบบ
"ได้ไปพบกับตัวบรรณาธิการเอง เขาบอกว่า มีคนนำต้นฉบับภาษาอังกฤษมาให้ แล้วสั่งว่า ต้องอ่านให้ได้นะ เขาเห็นว่าเป็นเล่มเล็กๆ ก็เอาใส่กระเป๋าไปอ่านบนรถไฟ นั่งรถไฟจากปารีสไปลอนดอน เขาบอกว่า เขาร้องไห้ไปในรถไฟ ประทับใจมาก พอลงรถไฟก็โทร. กลับมาบอกที่ปารีสว่า หนังสือเล่มนี้ซื้อไว้เลยนะ พอเขาเจอเรา เขาก็ตื่นเต้นใหญ่"
ความสำเร็จที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากการที่ งามพรรณ ทำงานเป็นเอเยนต์หรือตัวแทนนักเขียนด้วย แต่ก็พยายามระมัดระวังตัวไม่ให้ล้ำเส้นคำว่า ผลประโยชน์ทับซ้อน
"เพราะจริงๆ แล้วสวมหมวกหลายใบมาก ก็ระวังเต็มที่เหมือนกัน การเป็นเอเยนต์ที่ซิลค์โรดคือเป็นซับ-เอเยนต์ มีหน้าที่แค่ขายงานของนักเขียนต่างชาติในเมืองไทย ถ้าวันหนึ่งลุกขึ้นมาทำตัวเป็นนักเขียนแล้วเขียนไปหาสำนักพิมพ์หรือตัวแทนนักเขียนที่ทำงานด้วยกันว่า ฉันเป็นนักเขียนแล้วนะ เอาของฉันไปขายไหม ก็คงจะฟังแปลกๆ ก็ต้องระวังมาก การอยู่ตรงนี้มานาน บริษัทซิลค์โรด เอเยนซีครบ 10 ปีพอดีปีนี้ ทุกคนก็เป็นเหมือนเพื่อนกันแล้ว เจอกันที่ลอนดอนบ้าง โบโลญญาบ้าง แฟรงก์เฟิร์ตบ้าง เวลาคุยๆ ดื่มน้ำชา ก็มีเผลอๆ เล่าไป
"จริงๆ แล้วเลือกส่งงานให้ติดต่อเอเยนต์ดู 2 ราย รายแรกบอกมาตามตรงเลยว่าไม่ทำหนังสือเด็ก รายที่สองที่ทำให้ตอนนี้ เขาอ่านแล้วชอบเลย ตอบรับกลับมาภายในอาทิตย์สองอาทิตย์ ซึ่งก็ลุ้นมาก เพราะตอนนั้นก็เริ่มติดต่อเองแล้วบ้างเหมือนกัน แต่คิดไปคิดมาก็สรุปว่าเมื่อถึงเวลาต้องต่อรอง มีคนทำให้ก็จะดีกว่า ถ้าถามว่า ที่มาถึงตรงนี้ได้เพราะการเป็นเอเยนต์มีส่วนด้วยไหม ก็ต้องตอบว่ามีส่วน แต่ก็ทำด้วยความระวัง หวังว่าจะไม่มาเกะกะรุงรังหรือซ้อนกัน ใช้ความเป็นเพื่อนเสียมากกว่า สำนักพิมพ์ที่รู้จักกันเขาก็แนะนำต่อๆ กัน อย่างสำนักพิมพ์ที่ออสเตรเลียเพิ่งบอกมาว่า กำลังจะไปมาเลเซียและอินโดนีเซีย คงไม่ว่านะถ้าเจอใครแล้วจะโฆษณาหนังสือให้ แล้วรู้สึกดี บอกเขาไปว่า ไม่ว่าหรอก มีแต่จะขอบคุณ"
อ่านบทความเต็ม ได้ที่ http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews ... 0000013631' target='_blank'>เว็บไซต์ผู้จัดการ
"อิสระ" จะทำให้ "โอกาส" อยู่กับเราเสมอ
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call

- AmmieBeachGirL
- Advanced Member
- โพสต์: 742
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 09, 2008 10:30 pm
- ติดต่อ:
อ่านแล้ว --- อ่านแล้ว
ต้องขอบอกว่า งานนี้ ต้องอ่านค่ะ
เพราะเป็นหนังสือที่ดีจริงๆ
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ ให้ชีวิตมากมายเลย
"ความสุขของคนรอบข้าง ก็คือ ความสุขของตัวเรา"
เป็นลิงค์ที่แอมเขียนสั้นๆ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ค่ะ...
http://just2bmyself.multiply.com/journa ... in_2_Days_' target='_blank'>http://just2bmyself.multiply.com/journa ... 2_Days_>
ส่วนลิงค์นี้ ...เป็นตอน "ตามหาพระจันทร์"
http://just2bmyself.multiply.com/journal/item/34/34' target='_blank'>http://just2bmyself.multiply.com/journal/item/34/34>
แบ่งปันหนังสือดีๆ กันนะคะ
พี่ปิ๋ม...แอมมีหนังสือให้ยืมอ่านนะ
แต่คงต้องรอหน่อย เพราะเพิ่งให้พี่ที่ทำงานเค้ายืมไปอ่าน...ให้ลูกเค้าอ่านด้วย
ตอนที่รู้ว่า...จะเอามาทำหนังนะ ลุ้นน่าดู ว่าจะออกมายังไง
กำลังหาเวลาไปดูหนัง --- เพื่อจะหาคำตอบว่า
"ต่างกันแค่ไหน"
Happiness is all around you!
ต้องขอบอกว่า งานนี้ ต้องอ่านค่ะ
เพราะเป็นหนังสือที่ดีจริงๆ
อ่านแล้วได้ข้อคิดดีๆ ให้ชีวิตมากมายเลย
"ความสุขของคนรอบข้าง ก็คือ ความสุขของตัวเรา"
เป็นลิงค์ที่แอมเขียนสั้นๆ เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ค่ะ...
http://just2bmyself.multiply.com/journa ... in_2_Days_' target='_blank'>http://just2bmyself.multiply.com/journa ... 2_Days_>
ส่วนลิงค์นี้ ...เป็นตอน "ตามหาพระจันทร์"
http://just2bmyself.multiply.com/journal/item/34/34' target='_blank'>http://just2bmyself.multiply.com/journal/item/34/34>
แบ่งปันหนังสือดีๆ กันนะคะ
พี่ปิ๋ม...แอมมีหนังสือให้ยืมอ่านนะ
แต่คงต้องรอหน่อย เพราะเพิ่งให้พี่ที่ทำงานเค้ายืมไปอ่าน...ให้ลูกเค้าอ่านด้วย
ตอนที่รู้ว่า...จะเอามาทำหนังนะ ลุ้นน่าดู ว่าจะออกมายังไง
กำลังหาเวลาไปดูหนัง --- เพื่อจะหาคำตอบว่า
"ต่างกันแค่ไหน"
Happiness is all around you!
http://just2bmyself.multiply.com
AmMieฺฺBeachGirL - ThE HapPy PiNk
AmMieฺฺBeachGirL - ThE HapPy PiNk
- AmmieBeachGirL
- Advanced Member
- โพสต์: 742
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 09, 2008 10:30 pm
- ติดต่อ:
ถ้าหมายถึง ความสุขของกะทิ หรือหนังสือที่เกี่ยวข้อง ยังไม่เคยอ่านเลยครับKaew เขียน: อ่านจบไปตั้งนานแล้ว ของเค้าดีจริงนะ... ปักเป้าอ่านกี่เล่ม

ได้ยินเรื่องนี้ครั้งแรก ก็ตอนได้ ซีไรท์ อะครับ ...
ถ้าหมายถึง งานของคุณงามพรรณ ที่ผ่านมาอ่านแต่หนังสือแปลของเค้าครับ
ชอบมาก คัดเลือกหนังสือได้แจ๋วเลยครับ ... แต่จริงๆ ก็เคยอ่านไม่กี่เล่ม
ตั้งแต่มีงานทำจริงจัง แบบ 5 วันต่อสัปดาห์ ... ได้อ่านหนังสือน้อยลง กว่าสมัยเป็นนักเรียน มากๆ เลย
แต่เนื่องจากมีหนังสือรอคิวอ่านอยู่หลายเล่ม ก็เลยไม่รีบร้อน ได้เล่มไหนมาก่อน และเวลาลงตัว ก็ได้อ่าน
ดังนั้น... เล่มนี้ก็ ฮ่า ฮ่า ต่อคิวพี่ Pim และคนอื่นๆ เลยนาคับ อิอิ ไม่รู้จะได้ยืม พี่ Ammie หรือ พี่ Kaew

...
น่าประทับใจจริงๆ เหล่าสมาชิก FreedomDIVE เป็นนักอ่านกันหลายคนทีเดียวนะเนี่ย :good:
"อิสระ" จะทำให้ "โอกาส" อยู่กับเราเสมอ
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call
-- พี่ป๊อด พูดไว้ในโฆษณา 1-2-call

- AmmieBeachGirL
- Advanced Member
- โพสต์: 742
- ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ เม.ย. 09, 2008 10:30 pm
- ติดต่อ:
ไปดูมาแล้วเหมือนกัน เด็กที่แสดงเป็นกะทิน่ารักดี อ่านหนังสือแล้วด้วย มันจะออกแนว narrative ซะเยอะPim เขียน: ไปเดินร้านหนังสือมาแล้ว? หนังสือหมดแล้ว ต้องสั่งจองอ่ะ? เฮ้อ!!!?![]()
ถ้าจะทำหนังให้เห็นภาพตามนั้นก็คงจะยากอยู่ แต่ดูหนังกะอ่านหนังสือมันก็ได้อรรถรสไปคนละแบบแหละ
หนังสือมีที่ Kinokuniya สาขา Iseton ค่ะ ไม่ต้องรอสั่งจอง หรือถ้าจะฝากซื้อก็บอกมาได้
เดี๋ยวไปซื้อให้ เดินไปแถวนั้นเกือบทุกวัน...

"ชีวิตดีๆหาได้ไม่ยากเลย หัดมองโลกในแง่บวก คิดดี ทำดีกับผู้อื่น ก็พอแล้ว อย่ามองโลกแค่เพียงสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า!!!"http://kkg1.multiply.com/' target='_blank'>http://kkg1.multiply.com/>