ประเภทการดำน้ำ | boat dive, reef dive, cave dive, muck dive |
---|---|
ระดับการดำน้ำ | สำหรับมือใหม่ และนักดำน้ำที่มีประสบการณ์ |
ความลึก | 5 - 35 เมตร |
ทัศนวิสัยใต้น้ำ | 10 - 30 เมตร |
กระแสน้ำ | None - Medium |
อุณหภูมิน้ำ | 27-31 °C (บางปีมีน้ำเย็นจากมหาสมุทรอินเดียเข้ามามาก อาจทำให้อุณหภูมิลดต่ำลงไปได้ถึง 24 °C) |
จุดดำน้ำ | เกาะดอกไม้ - เรือจมคิงครุยส์เซอร์ - หินมูสัง, เกาะพีพี, เกาะราชาน้อย, เกาะราชาใหญ่, ทะเลกระบี่, หินแดง หินม่วง, หมู่เกาะห้า-เกาะรอก, หินขาว, อาดัง-ราวี-หลีเป๊ะ |
ฤดูท่องเที่ยว | October - May |
สิ่งที่น่าสนใจ | ฉลามวาฬ, กระเบนราหู, Titan Triggerfish, ฝูงบาราคูด้า, ฝูงปลากระมง |
คือเส้นทางการดำน้ำด้านทิศใต้ของทะเลอันดามัน ไล่จากเกาะภูเก็ตลงไป ผ่านเกาะน้อยใหญ่ในทะเลกระบี่ หมู่เกาะห้าและหินแดง-หินม่วงในทะเลตรัง จนถึงเกาะอาดัง-ราวี-หลีเป๊ะแห่งทะเลสตูล ที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์ทะเล ความหลากหลายและแน่นขนัดของปะการังอ่อน รวมถึงทิวทัศน์ใต้น้ำที่แตกต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ นักดำน้ำจะได้สัมผัสประสบการณ์การดำน้ำที่หลากหลายในทริปเดียว
หมู่เกาะน้อยใหญ่ในเขตจังหวัดภูเก็ตและกระบี่ มีแนวปะการังรอบเกาะที่สวยงาม โดยเฉพาะรอบๆ หมู่เกาะพีพี ปะการังยังคงแน่นขนัด ฉลามครีบดำฝูงกลางๆ มีให้พบเห็นได้บ่อยๆ หรือนักดำน้ำใหม่อยากดำน้ำใสๆ ก็ต้องที่เกาะราชาน้อย-ราชาใหญ่ ที่น้ำใสตลอดทั้งปี ไม่มีวันหยุด มีอ่าวหลบกระแสให้ค่อยๆ เพิ่มทักษะการดำน้ำได้ ทั้งหมดนี้ที่ความลึกราวๆ 20 เมตรเท่านั้น
ขยับลงใต้ไปอีกนิด หมู่เกาะห้า ที่นอกจากจะมีรูปทรงของเกาะเป็นเอกลักษณ์ชัดเขนแล้ว ขึ้นชื่อเรื่องทากทะเลสวยงาม ปลาหายากตามพื้นทราย และยังมีถ้ำขนาดใหญ่ให้มือใหม่ได้เข้าไปสัมผัสความตื่นเต้นได้ด้วย
หินแดง-หินม่วง คือกองหินจมน้ำขนาดใหญ่ที่ปกคลุมด้วยปะการังอ่อนสีแดงและสีม่วงเข้ม และปะการังชนิดต่างๆ ที่อุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำน้อยใหญ่ และเป็นที่รู้จักกันดีว่า มีฉลามวาฬและกระเบนราหูแวะเวียนมาหากินที่นี่อยู่เป็นประจำทุกปี นักดำน้ำใหม่ต้องคอยระวังเรื่องความลึกไว้ให้ดี เพราะพื้นทรายบริเวณนี้อยู่ที่ความลึก 70-80 เมตรเลยทีเดียว
หมู่เกาะตะรุเตา-อาดัง-ราวี-หลีเป๊ะ เกาะสุดท้ายก่อนจะผ่านพรมแดนไทยเข้าสู่ประเทศมาเลเซีย เป็นแหล่งดำน้ำชมปะการังอ่อนหลากสีสัน และแนวปะการังทั้งอ่อนและแข็งกินพื้นที่กว้างไกลสุดสายตา รวมถึงโอกาสที่่จะได้เจอกระแสน้ำแรงๆ ในบริเวณนี้มีเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ขึ้นกับจุดดำน้ำและเวลาที่ลงดำ
เครื่องบิน ปัจจุบันมีเที่ยวบินตรงภายในประเทศจากกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เกาะสมุย และอีกหลายจังหวัดทั่วไทย และบินตรงจากต่างประเทศอีกนับสิบประเทศ เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง เกาหลีใต้ ลอนดอน แฟรงก์เฟิร์ต บาหลี ซิดนีย์ และปารีส เป็นต้น
หากท่านไม่สามารถบินตรงจากประเทศของท่านมายังภูเก็ตได้ ก็สามารถบินมายังกรุงเทพฯ แล้วเลือกเที่ยวบินจากกรุงเทพฯ สู่ภูเก็ตที่มีให้เลือกกว่า 50 เที่ยวบินต่อวัน ด้วยระยะเวลาการเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น
รถยนต์ จากกรุงเทพฯ ใช้เส้นทางสายธนบุรี-ปากท่อ (ทางหลวงหมายเลข 35) แล้วใช้ทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา ข้ามสะพานสารสิน เข้าจังหวัดภูเก็ต ระยะทาง 862 กิโลเมตร
รถโดยสารประจำทาง มีรถโดยสารทั้งรถธรรมดา และรถปรับอากาศ ออกจากสถานีขนส่งสายใต้ ไปภูเก็ตทุกวัน
ไม่มีบริการรถไฟจากกรุงเทพฯ ไปภูเก็ตโดยตรง หากต้องการเดินทางโดยรถไฟต้องไปลงที่สถานีรถไฟพุนพิน จังหวัดสุราษฎร์ธานี แล้วต่อรถประจำทางเข้าจังหวัดภูเก็ต
โรงพยาบาล 3 แห่งในภูเก็ตที่ให้บริการห้องปรับความดันบรรยากาศสูง (Hyperbaric Chamber) ได้แก่